:::     :::

ใบแดงโลกไม่ลืม

วันอังคารที่ 22 พฤษภาคม 2561 คอลัมน์ เด็กเก็บบอล โดย ยักษ์เดนส์
13,274
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
อีกไม่ถึงหนึ่งเดือนดีมหกรรมฟุตบอลโลกที่ประเทศรัสเซียก็จะเริ่มต้นขึ้นแล้ว แฟนๆที่รอคอยคงได้อดหลับอดนอนกันบ้างเพื่อติดตามเกมที่สี่ปีทีแค่ครั้งเดียว
         แน่นอนว่าที่ผ่านมามีเหตุการณ์เกิดขึ้นมากมายในศึกเวิลด์ คัพแต่ละหนที่มีการจัดการแข่งขัน ไม่ว่าจะนักเตะที่โชว์ผลงานเด่น ยิงประตูสุดสวย หรือจะทำลายสถิติอะไรต่างที่อาจจะเกิดขึ้นได้ แม้กระทั่งทีมที่ไม่เคยคว้าแชมป์มาก่อนก็อาจจะไปถึงจุดสูงสุดได้
         แต่สิ่งที่เป็นปัจจัยสำคัญของการแข่งขันนอกจากจำนวนประตูแล้ว ก็คือจุดเปลี่ยนของเกม ซึ่งสิ่งที่ถูกมองว่าสามารถเปลี่ยนเกมได้ดีที่สุดก็คือการโดน 'ไล่ออก' ของนักเตะนี่เอง
         ในโลกของฟุตบอล ใบเหลืองหรือใบแดงเป็นสิ่งที่ทำให้นักเตะทุกคนเล่นอยู่ในกฎ ในระเบียบ และเล่นฟุตบอลมากกว่าที่จะทำร้ายเพื่อนร่วมอาชีพ
         ซึ่งในบางครั้งก็มีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยที่จะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตามแต่ เป็นที่มาของการลงโทษของตุลาการร์ในสนามที่เป็นผู้มีสิทธิ์ชี้ขาด
         ไม่ว่าจะไม่พอใจยังไง ผิดหรือถูก เมื่อเชิ้ตดำของสนามชูใบออกมานั่นคือสิ่งที่ต้องยอมรับกัน
         ขอพาย้อนกลับไปดูเหตุการณ์ใบแดงสำคัญในฟุตบอลโลกที่ผ่านมาซึ่งบางคนอาจจะลืมมันไปแล้ว บางคนอาจจะไม่เคยดูมาก่อน แต่รับรองว่าแต่ละใบน่าสนใจสุดๆ
ใคร : แฟร้งค์ ไรจ์การ์ด (ฮอลแลนด์) กับ รูดี้ โฟลเลอร์ (เยอรมัน ตะวันตก)
ปี : 1990
                        
         ศึกฟุตบอลโลกปี 1990 สมัยที่มีทีมเข้าร่วมวง 24 ทีม ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย เยอรมัน ตะวันตก ในฐานะแชมป์กลุ่มดี เข้าไปพบกับ ฮอลแลนด์ ทีมอันดับสามจากกลุ่มเอฟ
         เหตุการณ์เกิดขึ้นในช่วงนาทีที่ 21 ของเกมจังหวะที่ แฟร้งค์ ไรจ์การ์ด ไปพุ่งเสียบหนักใส่ รูดี้ โฟลเลอร์ จนต้องโดนแจกใบเหลือง ซึ่งจะทำให้เจ้าตัวติดโทษแบนหากทีมผ่านเข้ารอบต่อไปได้ สร้างความหงุดหงิดเพราะมองว่าสตาร์ทีมอินทรีเหล็กจงใจพุ่งล้มจนวิ่งไปถ่มล้ำลายใส่ 'ผมฟู' ของ โฟลเลอร์ จนมีเรื่องมีราวทำให้โดนใบเหลืองไปด้วยกัน
         หลังจากนั้นนาทีเดียวจากลูกฟรีคิกเปิดเข้าเขตโทษสุดท้ายบอลเข้ามือ ฮานส์ ฟาน บรอยเคเล่น แต่เป็นจังหวะที่ โฟลเลอร์ พยายามเข้าหาบอลแต่ก็ยั้งเท้าแล้วไม่ได้มีการโดนตัวอะไร แต่คนที่กำลังเลือดร้อนอย่าง ไรจ์การ์ด ไม่สนใจอะไรปรี่เข้าหาพร้อมดึงที่หูแถมเหยียบไปอีกหน่อยจนมีเรื่องกันอีกครั้ง แถมยังถุยซ้ำอีกทีด้วย
         แน่นอนว่า ฮวน คาร์ลอส โลอุสตาอู ผู้ตัดสินในเกมนั้นก็จัดการควักใบเหลืองให้ทั้งคู่ เป็นเหลืองที่สองกลายเป็นใบแดงไล่ออกจากสนามหลังจากที่เกมเล่นไปเพียง 22 นาทีเท่านั้น
ใคร : โยซิป ซิมูนิช (โครเอเชีย)
ปี : 2006
                        
         หนึ่งในเหตุการณ์ที่ถือว่าเป็นที่จดจำของแฟนบอลทั่วโลก ซึ่งไม่ได้มาจากตัวนักเตะ แต่มาจากการตัดสินของเชิ้ตดำต่างหาก
         เหตุการณ์เกิดขึ้นในเกมสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่ม ในกลุ่มเอฟ เป็นการพบกันระหว่าง โครเอเชีย กับ ออสเรเลีย โดยที่ทั้งสองทีมกำลังเบียดแย่งตั๋วเพื่อลุ้นเข้ารอบต่อ บราซิล โดยมี เกรแฮม โพลล์ ผู้ตัดสินชาวอังกฤษที่ได้ชื่อว่าเป็นมือหนึ่งของประเทศในตอนนี้ทำหน้าที่ผู้ตัดสิน
         หลังเกมผ่านหนึ่งชั่วโมง โยซิป ซิมูนิช โดนใบเหลืองใบแรกในเกมนี้หลังจากไปจงใจใช้มือผลักที่หน้าของ แฮร์รี่ คีเวลล์ จนมาถึงนาทีสุดท้ายของเกมในขณะที่สกอร์เสมอกันอยู่ 2-2 ทัพตราหมากรุกที่ต้องการชัยชนะได้ลูกเตะมุมแต่โดนสวน เป้นหน้าที่ของ ซิมูนิช ที่ต้องตัดเกมตรงกลางสนาม 
         แต่แทนที่ผู้ตัดสินผู้ดีที่แจกใบเหลืองให้อีกครั้งจะควักใบแดงออกมาด้วย แต่ไม่รู้ว่าลืมจดชื่อตั้งแต่ทีแรกหรืออย่างไร กลับไม่ได้ควักตามออกมา นักเตะเองก็เนียนไป หรือกระทั่งผู้เล่นของ ออสเตรเลีย ก็ไม่มีการประท้วงอะไรเลย จนกระทั่งช่วงทดเจ็บ ซิมูนิช ที่บ่นเยอะและไปโดนตัว โพลล์ ค่อยมาโดนใบเหลืองอีกครั้งเป็นใบแดงไล่ออกไป
ใคร : เดวิด เบ็คแฮม (อังกฤษ)
ปี : 1998
                       
         ถือเป็นใบแดงที่โด่งดังที่สุดเหตุการณ์หนึ่งของศึกฟุตบอลโลก อาจจะด้วยเพราะเป็นทีมชาติอังกฤษ และอาจจะด้วยเพราะเป็นมิดฟิลด์สุดหล่ออย่าง เดวิด เบ็คแฮม
         ในฟุตบอลโลก 1998 ทีมชาติอังกฤษนฐานะรองแชมป์กลุ่มจี ต้องโคจรมาปะทะกับคู่ปรับตลอดกาลอย่าง อาร์เจนติน่า ที่คว้าแชมป์กลุ่มเอชมาในรอบ 16 ทีมสุดท้าย
         เกมที่เต็มไปด้วยความสนุกตื่นเต้น เกมที่ได้เห็นประตูอันน่าเหลือเชื่อจาก ไมเคิ่ล โอเว่น แต่ทุกอย่างโดนขโมยซีนไปหมดหลังจากที่ครึ่งแรกทั้งสองทีมผลัดกันนำก่อนจบลงที่สกอร์ 2-2 
         ออกสตาร์ทครึ่งหลังมาไม่เท่าไร เดวิด เบ็คแฮม โดน ดีเอโก้ ซิเมโอเน่ เทรนเนอร์คนปัจจุบันของ แอตเลติโก มาดริด อัดกระเด็นจากทางด้านหลังร่วงลงไป ไม่ว่าจะด้วยอารมณ์ชั่ววูบ ตั้งใจจะเอาคืน หรือความอ่อนประสบการณ์กับทัวร์นาเม้นต์ใหญ่ มิดฟิลด์สุดหล่อยกขาขึ้นมาในขณะที่ ซิเมโอเน่ เดินถอยหลังมา แข้งอาร์เจนไตน์ไม่รอช้าออกลูกแอ๊คติ้งชนิดที่เรียกได้ว่ารางวัลออสการ์รออยู่ล้มลงไปกองกับพื้นท่ามกลางการประท้วงอย่างใหญ่หลวงของแข้งฟ้า-ขาว
         ผู้ตัดสิน คิม มิลตัน นีลเซ่น กลับทำสิ่งที่ช็อคแฟนบอลคนทั้งโลกด้วยการชูใบแดงไล่ออกจากสนาม ทั้งที่ไม่มีใบเหลืองก่อนหน้านี้ด้วย ในขณะที่ ซิเมโอเน่ โดนเพียงใบเหลือง
สุดท้าย อังกฤษ ดวลเป้าพ่ายให้กับ อาร์เจนติน่า ตกรอบไปอย่างเจ็บช้ำ แต่คนที่โดนตำหนิไม่ใช่ พอล อินซ์ หรือ เดวิด แบ็ตตี้ ที่ยิงจุดโทษพลาด แต่กลับเป็นปีกจอมเปิดจาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่โดนถล่มยับไม่มีชิ้นดีเลยทีเดียว
ใคร : หลุยส์ ซัวเรซ
ปี : 2010
                       
         หากไม่เป็นการพูดเกินไป จะบอกว่านี่ถือเป็นใบแดงที่คุ้มค่าที่สุดในฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายเลยก็ว่าได้
         ศึกเวิลด์ คัพปี 2010 ที่ประเทศแอฟริกาใต้เป็นเจ้าภาพ อุรุกวัย ที่อุดมไปด้วยยอดแข้ง กรุยทางผ่านรอบแล้วรอบเล่าจนทะลุถึงรอบตัดเชือก แต่ก็ไปไม่ถึงจุดหมายจบลงที่อันดับ 4 ของทัวร์นาเม้นต์
         จากที่เคยได้เห็น 'หัตถ์พระเจ้า' ของ ดีเอโก้ มาราโดน่า มาแล้วในปี 1986 ในศึกปี 2010 มีการย้อนรอยเหตุการณ์เพียงแต่เปลี่ยนจากใช้มือ 'ทำประตู' มาเป็น 'ป้องกันประตู'
         ในรอบ 8 ทีมสุดท้าย อุรุกวัย มาเจอกับ กาน่า โดยที่เกมใน 90 นาทีลงเอยด้วยการเสมอกัน 1-1 ต้องเล่นในช่วงต่อเวลาพิเศษ เกมดำเนิมาถึงช่วงนาทีสุดท้ายจังหวะต่อเนื่องลูกฟรีคิกของทีมจากทวีปแอฟริกาบอลมาตกใส่ สตีเฟ่น อัปเปียห์ ยืนจ่อติดขา หลุยส์ ซัวเรซ บอลลอยหน้าประตู โดมินิก อาดิเยียห์ โหม่งซ้ำเต็มหัวแต่เจ้า 'เหยิน' ที่ยืนอยู่ตรงเส้นประตูโชวทัพษะทุบบอลออกไป
แน่นอนว่าผู้ตัดสินเห็นจังหวะนี้ชูใบแดงไล่ ซัวเรซ ออกจากสนามพร้อมมอบจุดโทษให้กับ กาน่า ที่หากยิงเข้าก็คงจบเกมทันที ท่วามือสังหารอย่าง กียาน อซาโมอาห์ กลับซัดเต็มข้อบอลพุ่งชนคานออกไป ที่แสบคือภาพจับไปที่ ซัวเรซ ที่ยังแอบยืนลุ้นอยู่ตรงทางเข้าอุโมงค์แสดงท่าทีดีใจสุดๆ
         ถ้ายังดราม่าไม่พอ กาน่า ลงเอยด้วยการตกรอบหลังดวลเป็นแพ้ให้กับ อุรุกวัย 2-4 
ใคร : ซีเนอดีน ซีดาน
ปี : 2006
                       
         หากให้พูดถึงเหตุการณ์ใบแดงที่โด่งดังที่สุดของฟุตบอลโลก อันดับหนึ่งในดวงใจของใครหลายคนคงยกให้ ซีเนอดีน ซีดาน หนึ่งในนักเตะที่ได้รับการยกย่องว่าเก่งที่สุดในโลกเข้าวินอย่างแน่นอน
         ในศึกฟุตบอลโลก 2006 รอบชิงชนะเลิศ ฝรั่งเศส ที่ฟันฝ่าอุปสรรคอย่างหนักหนาสาหัสทั้ง สเปน, บราซิล และ โปรตุเกส เข้ามาถึงรอบชิงชนะเลิศเจอกับ อิตาลี ที่ผ่าน ออสเตรเลีย, ยูเครน ก่อนโค่น เยอรมัน ในรอบตัดเชือก ถือเป็นการเจอกับของสุดยอดทีมของโลก
         ทัพตราไก่ออกนำก่อนตั้งแต่ต้นเกมจากจุดโทษ 'ปาเนนก้า' ก่อนที่ มาร์โก มาเตรัซซี่ จะโหม่งตีเสมอให้ทัพอัซซูรี่ 1-1 และจบเกม 90 นาทีด้วยสกอร์นี้
         ในช่วงต่อเวลาที่พิเศาในขณะที่เกมดำเนินไปก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นจากจังหวะที่ มาเตรัซซี่ ตามประกบ ซีดาน ด้วยการดึงเสื้อก่อนจะมีการพูดจาอะไรบางอย่างทำให้สตาร์ชาวฝรั่งเศสถึงขั้นตบะแตกใช้หัวโหม่งไปเต้มหน้าอกของกองหลังร่างโย่ง 
          แม้ว่าผู้ตัดสินจะไม่เห็น แต่ผู้ช่วยเห็น ก่อนส่งสัญญาณและบอกเล่าเหตุการณ์จนเป็นที่มาของใบแดงสะท้านโลกนี้ สุดท้ายสู้กันถึงการดวลจุดโทษเป็น อิตาลี ที่ชนะและคว้าแชมป์โลกไปครอง
         ภายหลัง ซีดาน เปิดเผยคำพูดจากเหตุการณ์ในครั้งนั้นว่า 
         'มาร์โก มาเตรัซซี่ ดึงเสื้อผม และผมก็บอกเขาไปว่าถ้าอยากได้มันก็มาแลกกันหลังเกมการแข่งขัน แต่พอผมเดินไปเขาเริ่มเปล่งเสียงด่าทอแม่และน้องสาวของผม อันที่จริงผมพยายามจะไม่ฟังคำพูดเหล่านั้น แต่เขาก็ยังคงพูดไม่เลิก สำหรับคำพูดเชิงเสียดสีถึงแม่และน้องสาวของผมคงนำมาเปิดเผยไม่ได้ แต่ผมรู้สึกได้ว่าคำพูดเหล่านั้นมันเจ็บลึกไปถึงข้างใน'
'จากสิ่งที่ผมทำลงไปนั้น ผมไม่รู้สึกเสียใจสักนิด เพราะถ้าเสียใจก็หมายความว่าผมยอมในสิ่งที่ มาเตรัซซี่ พูด เพียงแต่ว่าผมอยากจะขอโทษไปยังเด็กๆ ทุกคนที่ได้ชมเกมการแข่งขัน และที่สำคัญผมอยากให้ มาเตรัซซี่ ออกมาพิสูจน์ตัวเองอย่างลูกผู้ชาย รับผิดชอบในสิ่งที่เขาพูดไปในวันนั้น'
น่าแปลกที่ไม่มีใครสักคนที่ต่อว่าหรือโทษ ซีเนอดีน ซีดาน ถึงความพ่ายแพ้เกมนี้เลยแม้แต่คนเดียว แถมยังมีการสร้างรูปปั้นในจังหวะที่ ซีดาน โขกหัวใส่ มาเตรัซซี่ อีกด้วย 


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด