ดีลนี้ต่างจากการซื้อ-ขายทั่วไปเพราะเกิดขึ้นนอกเวลาตลาดนักเตะ แต่ทั้งสองสโมสรสามารถตกลงกันได้ล่วงหน้า ยังไม่มีผลทันที อีกทั้งตราหมีเองยังติดโทษห้ามลงทะเบียนนักเตะจนถึงตลาดเปิดรอบหน้า

นั่นเท่ากับว่า การย้ายทีมของ ดีเอโก้ คอสต้า จะเรียบร้อยสมบูรณ์และพร้อมลงสนามได้คือในเดือนมกราคมที่ถูกอย่างจะลงล็อกพอดีทั้งตลาดเปิดรอบใหม่ และตราหมีพ้นโทษแบน

ในระหว่างนี้จนถึงวันเซ็นสัญญาอย่างเป็นทางการในต้นปีหน้า เชลซี จะไม่จ่ายค่าเหนื่อยให้กับดาวยิงเจ้าปัญหา เรียกได้ว่าตัดขาดออกจากทีมแบบเบ็ดเสร็จ 

ดีเอโก้ คอสต้า ฝากผลงานแชมป์พรีเมียร์ลีก 2 สมัยเอาไว้ให้แฟนสิงห์บลูส์ได้จดจำ

ไม่จำเป็นต้องรื้อฟื้นอีกต่อไปใครผิด-ใครถูกระหว่าง อันโตนิโอ คอนเต้ ผู้ประกาศผ่านมือถือลอยแพหัวหอกคนดัง หรือ คอสต้า ซึ่งแข็งข้อไม่ปรากฎตัวตามหมายเรียก แต่ดีลที่จบลงแบบนี้เป็นผลดีต่อทุกฝ่าย

สิงห์บลูส์ได้เคลียร์ประเด็นนักเตะไม่ได้ใช้งาน แถมทำเสียระบบปกครองไม่ยอมมารายงานตัว พร้อมกันนั้นยังได้เงินค่าตัวต่างตอบแทนที่สมเหตุสมผล

รายงานจากสเปนระบุว่า ค่าตัวของ คอสต้า อยู่ที่ 60 ล้านยูโร หรือเกือบสองเท่าที่เชลซีจ่ายให้แอต.มาดริด ในซัมเมอร์ 2014  

แต่เหนือกว่าอื่นใดคือ เชลซี ทำให้เห็นว่า ไม่มีใครใหญ่กว่าสโมสร ต่อให้ คอสต้า คือดาวยิงคนสำคัญที่พาทีมเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีก 2 จาก 3 ปีหลังสุดก็ตาม

ในอารมณ์ของแฟนบอลสิงห์บลูส์หลายคนย่อมเสียดายแน่นอนกับการจากไปของ คอสต้า แต่ก็เข้าใจได้ถึงการตัดสินใจของสโมสร และทีมก็เตรียมการล่วงหน้าตั้งแต่หลายเดือนแล้วโดยที่มีตัวแทนอย่าง อัลบาโร่ โมราต้า เข้ามา

ทีนี้ อันโตนิโอ คอนเต้ ก็จะได้เดินหน้ากับงานหลักของตัวเองอย่างเต็มที่ ไม่ต้องมาวุ่นวายคอยตอบคำถามนักข่าวเกี่ยวกับประเด็นของ คอสต้า อีกต่อไป

ภาพคุ้นตาของ คอสต้า กับการค้าแข้งในพรีเมียร์ลีก

ด้าน แอต.มาดริดได้อาวุธเสริมที่ไม่ต้องพิสูจน์อะไรให้มากความ อายุใช้งานอีกยาวในวัย 28 แม้หน้าตาจะไม่ใช่ก็เถอะ

"ตราหมี" เริ่มฤดูกาลใหม่ยังไม่เปรี้ยงปร้างเท่าที่ควร เกมรุกยังไม่ลงตัว ขณะที่ อองตวน กรีซมันน์ ดูจะแบกความหวังไว้มากเกินไป 

การได้ของคุณภาพที่ไม่ต้องปรุงแต่งอะไรเลยมาเสริมย่อมเพิ่มศักยภาพในแนวรุกได้มากยิ่งขึ้น แถมนักเตะยังลงเล่นด้วยใจที่เต็มร้อยเพราะปรารถนาการกลับมาสวมชุดตราหมีอยู่ตลอดเวลาอยู่แล้ว

ตลอดเวลาที่ คอสต้า ย้ายออกไป ทัพตราหมีเหมือนมี "หลุมดำ" ในแดนหน้าที่หาทางอุดหลายครั้งแต่ไม่สำเร็จ นักเตะอย่าง มาริโอ มานด์ซูคิช, แจ็คสัน มาร์ติเนซ, เควิน กาไมโร่ หรือแม้กระทั่ง เฟร์นานโด ตอร์เรส ก็ทำได้เพียงชั่วครู่ชั่วคราว 

นั่นทำให้ ทีมที่ปกติไม่ได้ใช้เงินบ้าเลือดของพวกเขา ยอมทุ่มเป็นสถิติสโมสรเพื่อดึง คอสต้า กลับมาอีกรอบ 

ในเดือนมกราคม แอต.มาดริด จะได้ทั้ง คอสต้า และ มาร์ซีน บีโตโล่ อีกหนึ่งแนวรุกที่ดึงมาในช่วงซัมเมอร์แต่ก็ใช้งานไม่ได้ก่อนปล่อยให้ลาส ปัลมาส ยืมตัว กลับมาประจำการทั้งคู่ 

กลับมาร่วมงานกับ ดีเอโก้ ซิเมโอเน่ อีกครั้ง

เมื่อรวมกับขุมกำลังที่มีอยู่แล้วก็จัดได้ว่าเป็นทีมที่แข็งแกร่งเอาเรื่องทีเดียว ขอเพียง ดีเอโก้ ซิเมโอเน่ ประคับประคองทีมให้อยู่ในเส้นทางลุ้นแชมป์ทั้งในและนอกประเทศ

เชื่อได้เลยว่าในครึ่งฤดูกาลหลัง ตราหมีกระฉูดแน่นอน 

สำหรับตัวของ คอสต้า เองก็จะได้มีจุดหมายชัดเจน ไม่ต้องลอยแพเคว้งคว้างไปวันๆ ในบราซิลบ้านเกิด  

ดาวยิงเชื้อสายหมาเดือด เอ้ย! บราซิเลียนมีสถิติยิง 43 ประตูจาก 94 นัดในลา ลีกา ให้ตราหมีทั้งที่ช่วงแรกกับทีมค่อนข้างตะกุกตะกักทั้งอาการบาดเจ็บ และถูกปล่อยให้ทีมอื่นยืมเป็นว่าเล่น

การได้ร่วมงานกับ ซิเมโอเน่ จะทำให้ คอสต้า เค้นฟอร์มออกมาได้อย่างเต็มที่ โดยในฤดูกาลสุดท้ายก่อนย้ายไปเชลซี เขากระหน่ำไป 27 ประตู และได้รับการยกย่องว่าเป็นกองหน้าที่ดีที่สุดของโลกในเวลานั้น

ผังการเล่นของทัพตราหมีในเดือนมกราคมที่ยกระดับความแข็งแกร่งขึ้นด้วยการมาของ คอสต้า ร่วมถัง บีโตโล่

คอสต้า รู้ดีว่าเขาลอยเคว้งไปตลอดฤดูกาลไม่ได้เพราะมีเป้าหมายใหญ่ไปเล่นฟุตบอลโลก 2018 รออยู่ในซัมเมอร์หน้า อย่างน้อยๆ การได้กลับมาลงเล่นในครึ่งฤดูกาลหลังก็น่าจะมากพอในการโชว์ฟอร์มเตะตากุนซือทัพกระทิง

ไม่ต้องให้ใครมาบอกซ้ำ แต่ระหว่างนี้จนกว่าจะได้ลงสนามให้ตราหมี คอสต้า ต้องฟิตร่างกายอย่างเต็มที่ และฝึกซ้อมอย่างเต็มรูปแบบเสมือนมีเกมสุดสัปดาห์รออยู่

อาจยังไม่มีเกมจริงจังให้ลงเล่นมากกว่า 3 เดือน แต่ระดับความฟิตต้องเต็มร้อย เมื่อถึงเวลาใช้งานก็แค่เปิดซองเทน้ำร้อนยกซดได้เลย

จบลงแบบนี้แฮปปี้ทุกฝ่าย ตอนนี้แค่นับวันรอการลงเล่นอีกครั้งเท่านั้น