ฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายเป็นเวทีที่นักเตะทุกคนใฝ่ฝันที่จะมีโอกาสสัมผัสสักครั้งในชีวิตนักฟุตบอล หลายคนมีโอกาสแค่เอื้อม แต่ดวงแตกถูกการบาดเจ็บพรากตัวไปจากมหกรรมลูกหนังที่ยิ่งใหญ่สุดในโลก ยกตัวอย่างเช่น ดาเนียล อัลเวส แบ็กขวาทีมชาติบราซิล, อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด แชมเบอร์เลน มิดฟิลด์ทีมชาติอังกฤษ, โลร็องต์ กอสซิแอลนี่ ปราการหลังทีมชาติฝรั่งเศส หรือ เซร์คิโอ โรเมโร่ นายทวารทีมชาติอาร์เจนตินา ซึ่งจะจองตั๋วไปรัสเซียแน่นอนหากไม่ถูกอาการบาดเจ็บเล่นงานไปซะก่อน

อย่างไรก็ตามยังมีผู้เล่นดาวดังอีกหลายรายที่กลายสภาพเป็นเพียงผู้ชมทางบ้านหรือแฟนบอลข้างสนามทั้งที่ไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่ไม่มีชื่อติดทีมด้วยเหตุผลแตกต่างกันไป ส่วนสำคัญสุดน่าจะเป็นสาเหตุจากฟอร์มการเล่นที่ต่ำกว่ามาตรฐานที่เทรนเนอร์หรือกุนซือของทีมชาตินั้นๆตั้งเกณฑ์ไว้นั่นเอง

เราสามารถเลือกจัดทีม'ท่านผู้ชม'ได้ทั้ง 11 ตำแหน่ง รวมถึงขุมกำลังสำรองซึ่งถือว่าเป็นทีมรวมดาวกระจายที่มีความแข็งแกร่งพอสมควร ส่วนจะมีนักเตะคนใดบ้างไปดูกันครับ 

ผู้รักษาประตู : โจ ฮาร์ท (อังกฤษ)

นายทวารวัย 31 ปี อดีตมือหนึ่งทีมชาติอังกฤษลงเฝ้าบนเวทีระดับชาติ 75 นัดและเคยผ่านเวทีฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายมาแล้ว 2 สมัย (2014 กับ 2010) รวมถึงการมีส่วนร่วมกับศึกยูโรรอบสุดท้ายอีก 2 ครั้ง (2012 กับ 2016) แต่ ฮาร์ท เป็นเพียงผู้ชมของศึกฟุตบอลโลกครั้งนี้หลัง แกเร็ธ เซาธ์เกต เลือกนายทวารรุ่นน้องอย่าง จอร์แดน พิคฟอร์ด, แจ็ค บัตแลนด์ กับ นิค โพ๊ป ติดทัพสิงโตไปรัสเซีย 

แบ็กขวา : เซร์จี้ โรเบร์โต้ (สเปน) 

ความเป็นนักเตะสารพัดประโยชน์ใช่ว่าจะได้เปรียบคนอื่นเสมอไปเหมือนสิ่งที่เกิดขึ้นกับ เซร์จี้ โรเบร์โต้ ซึ่งเล่นได้ทั้งมิดฟิลด์, ตัวรุกริมเส้นและแบ็กขวา ซึ่งอาจจะทำได้ดีกับบาร์ซ่าแต่ยังไปไม่ถึงจุดสูงสุดของทุกตำแหน่งทำให้เขาหลุดออกจากสารบบทีมกระทิงชุดทำศึกฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายที่รัสเซียไปโดยปริยาย หลัง จูเลน โลเปเตกี เลือก อัลบาโร่ โอดรีโอโซล่า แบ็กขวาอาชีพจาก เรอัล โซเซียดาด มากกว่า แม้ว่ากระดูกบอลจะเบอร์เล็กกว่าก็ตาม 

เซนเตอร์ : ชโคดราน มุสตาฟี่ (เยอรมัน) 

กองหลังวัย 26 ปีเคยหลุดจากทีมอินทรีเหล็กชุดทำศึกฟุตบอลโลกเมื่อปี 2014 แต่เหมือนเทพีแห่งโชคจะยืนอยู่เคียงข้างเขาหลังถูก โยอาคิม เลิฟ เรียกตัวเข้ามาทัพแทน มาร์โค รอยส์ ซึ่งดวงแตกบาดเจ็บจนต้องถอนตัว ก่อนผงาดคว้าแชมป์โลกร่วมกับทีมชาติเยอรมัน รวมถึงแชมป์ฟีฟ่า คอนเฟดเดอเรชั่นส์ คัพ เมื่อปีก่อน แต่ มุสตาฟี่ ตกสำรวจอีกรอบในการลุ้นเข้าไปป้องกันตำแหน่งแชมป์ที่เมืองหมีขาว 

เซนเตอร์ : รามีโร่ ฟูเนส โมรี (อาร์เจนตินา) 

โมรี ก้าวขึ้นมาติดทีมชาติอาร์เจนตินาทดแทนกองหลังรุ่นพี่ตั้งแต่ปี 2015 เขาเป็นส่วนหนึ่งของทีมชุดรองแชมป์'โกปา อเมริกา'ฉลองครบรอบ 100 ปีที่สหรัฐอเมริกาเมื่อปี 2016 ทว่านับตั้งแต่บาดเจ็บหนักจากการลงเล่นกับทีมฟ้าขาวในช่วงเดือนมีนาคมปี 2017 กองหลังวัย 27 ต้องผ่าตัดรักษาอาการบาดเจ็บถึง 2 รอบพักไปนานกว่า 9 เดือน แม้จะกลับมาเล่นกับเอฟเวอร์ตันในช่วงท้ายซีซั่น แต่มันยังไม่เพียงพอต่อการติดทีมชุดทำศึกฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย 

แบ็กซ้าย : อเล็กซ์ ซานโดร (บราซิล) 

บราซิลมี มาร์เซโล่ เป็นแบ็กซ้ายเบอร์หนึ่ง ดังนั้นอีกโควตาที่เหลือจึงเป็นการเบียดแย่งกันระหว่าง อเล็กซ์ ซานโดร ของ ยูเวนตุส กับ ฟิลีเป้ ลุยส์ กาสมีร์สกี้ ของ แอตเลติโก มาดริด ซึ่งฝ่ายแรกมีโอกาสมากกว่าหลัง ลุยส์ โชคร้ายกระดูกหน้าแข้งแตกจนต้องพักยาว แต่แบ็กซ้ายทีมตราหมีฟิตกลับมาทันเวลาและสามารถเอาชนะใจ ตีตี้ จนมีชื่อติดโผทำศึกฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายปล่อยให้แบ็กซ้ายทีมม้าลายกลายเป็นผู้ชมทางบ้านเท่านั้น 

มิดฟิลด์ : มาริโอ เกิตเซ่ (เยอรมัน) 

ฮีโร่ของชาติเมื่อ 4 ปีก่อนกลายเป็นเพียงผู้ชมเชียร์ทีมอินทรีเหล็กเดินทางไปป้องกันแชมป์ที่รัสเซียเท่านั้น เนื่องจาก'เมสซี่แห่งเยอรมัน'เพิ่งฟื้นตัวจากการบาดเจ็บและกลับมาลงเล่นกับ ดอร์ทมุนด์ ในช่วงท้ายของฤดูกาล อีกทั้งฟอร์มของมิดฟิลด์วัย 25 ปียังดูเป็นรองผู้เล่นสายเลือดใหม่อย่าง เลออน โกเร็ตซ์ก้า หรือ ยูเลียน บรันด์ท ดังนั้น เลิฟ จึงไม่มีทางเลือกนอกจากการตัดสิทธิ์ของฮีโร่เมื่อปี 2014 

มิดฟิลด์ : รัดย่า เนียงโกลัน (เบลเยียม)

ฝีเท้าและประสบการณ์ของมิดฟิลด์วัย 30 ปีคู่ควรกับการลงเล่นรอบสุดท้ายของฟุตบอลโลกไม่น้อยไปกว่าคนอื่น แต่กลับถูกตัดชื่อออกจากทีมด้วยเหตุผลส่วนตัว เนื่องจาก โรเบร์โต้ มาร์ตีเนซ เทรนเนอร์ชาวสเปนมีปัญหาไม่ลงรอยกับนักเตะก่อนตัดชื่อเนียงโกลันออกจากทีมโดยอ้างเหตุผลว่าเล่นไม่เข้ากับแท็คติกจนกระทั่ง เนียงโกลัน ประกาศอำลาทีมชาติโดยโพสต์ผ่านอินสตาแกรมว่า'จบแบบไม่เต็มใจ' 

มิดฟิลด์ : อองโตนี่ มาร์กซิยาล (ฝรั่งเศส) 

มาร์กซิยาลพบกับฤดูกาลที่น่าอึดอัดใน แมนฯยูไนเต็ด เนื่องจากต้องสลับกันลงเล่นกับ มาร์คัส แรชฟอร์ด ก่อนตกเป็นสำรองยาวหลังการย้ายมาร่วมทีมของ อเล็กซิส ซานเชซ ขณะเดียวกันมีแนวรุกคนอื่นทำผลงานโดดเด่นกว่าชัดเจนทั้ง ฟลอริย็อง โตแว็ง หรือ นาบิล เฟคีร์ ก่อนที่ อุสมาน เดมเบเล่ ของบาร์ซ่าจะเบียดแซงทางโค้งอีกราย มาร์กซิยาลจึงกลายเป็นเพียงผู้ชมอยู่ที่บ้าน 

กองหน้า : อัลบาโร่ โมราต้า (สเปน) 

มันอาจเป็นปีที่ไม่น่าจดจำนักสำหรับ โมราต้า บางคนมองว่าเป็นการตัดสินใจผิดพลาดที่ย้ายออกจาก เรอัล มาดริด มาตกระกำลำบากกับ เชลซี จนกระทั่งตกเครื่องอดไปรัสเซียกับทีมชาติสเปน เนื่องจากฟอร์มของหนุ่มอัลบาโร่เป็นรองทั้ง ดีเอโก้ คอสต้า, โรดริโก้ โมเรโน่ กับ ยาโก้ อัสปาส ดังนั้น จูเลน โลเปเตกี จึงตัดสินใจด้วยความยากลำบากในการหั่นชื่อโมราต้าออกจากทีม 

กองหน้า : เมาโร อีการ์ดี้ (อาร์เจนตินา) 

อีการ์ดี้ โชว์ฟอร์มกระฉูดยิง 29 ประตูกับ อินเตอร์ มิลาน คว้ารางวัลดาวซัลโวกัลโช่ซีซั่นนี้ แต่ไม่มีที่ว่างในทีมชาติอาร์เจนตินาสำหรับเขา เนื่องจากมีแนวรุกระดับพระกาฬขวางหน้าอยู่ทั้ง ลิโอเนล เมสซี่, กอนซาโล่ อิกวาอิน, เซร์คิโอ อเกวโร่ กุน กับ เปาโล ดีบาล่า จนมีข่าวว่าอีการ์ดี้จะไม่ติดโผลุยบอลโลกมาตั้งแต่ก่อนหน้านี้ เหตุผลหลักมาจากการเล่นไม่เข้าระบบของ ฮอร์เค่ ซามปาโอลี และยังมีจุดอ่อนเรื่องประสบการณ์บนเวทีระดับชาติด้วย 

กองหน้า : อเล็กซ็องด์ ลากาแซตต์ (ฝรั่งเศส)

กาลาแซตต์ยิง 17 ประตูกับ อาร์เซน่อล ในซีซั่นก่อนเหนือกว่า โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ ซึ่งยิงรวมกันเพียง 12 ประตู แต่ ดิดีเย่ร์ เดส์ช็องส์ เลือกตัดอเล็กซ์ออกจากโผบอลโลก โดยเน้นไปที่กองหน้าตัวริมเส้นอย่าง คิลียัน เอ็มบั๊ปเป้, อุสมาน เดมเบเล่ กับ ฟลอริย็องต์ โตแว็ง แม้ทีมตราไก่จะมีกองหน้าตัวเป้าอย่าง ชิรูด์ เพียงคนเดียวก็ตาม แต่ยังสามารถปรับ อองตวน กรีซมันน์ มาเล่นตำแหน่งดังกล่าวได้เช่นกัน 

สำรอง : ทอม ฮีตัน (อังกฤษ), ชูเอา กานเซโล่ (โปรตุเกส), คริส สมอลลิ่ง (อังกฤษ), ดาวิด ลุยซ์ (บราซิล), ไรอัน เบอร์ทรานด์ (อังกฤษ), มาร์กอส อลอนโซ่ (สเปน), อันเดร โกเมส (โปรตุเกส), แจ็ค วิลเชียร์ (อังกฤษ), ฮาเวียร์ ปาสตอเร่ (อาร์เจนตินา), บิคตอร์ มาชิน บีโตโล่ (สเปน), ซานโดร ว้ากเนอร์ (เยอรมัน), ซลาตัน อิบราฮิโมวิช (สวีเดน)