:::     :::

The Dark knight วายร้ายที่ทีม (แชมป์) รัก!

วันอังคารที่ 29 พฤษภาคม 2561 คอลัมน์ ศาสดา On The Ball โดย ศาสดาลูกหนัง
6,071
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
เซร์คิโอ รามอส อาจจะเป็นวายร้ายในสายตาแฟนบอลลิเวอร์พูล แต่ที่เรอัล มาดริดแล้ว เขาคือ "ฮีโร่" ของทีม

ควันหลงจาก “มหาสงคราม” ยูฟ่าแชมเปี้ยนลีกเมื่อช่วงเช้าวันอาทิตย์ที่ 27 พฤษภาคมที่ผ่านมา มีหลากกระแสหลาย “ดราม่า” ที่เกิดขึ้น


ไม่ว่าจะเป็นกระแส “แกเรธ เบล” ฮีโร่ผู้กอบกู้โลกของมหามิตร “เรอัล ยูไนเต็ด” ส่ออาจจะย้ายทีม เนื่องจากมีภาพที่ดูไม่เอ็นจอยกับการฉลองแชมป์เท่าไรนักทั้งที่เพิ่งจะซัดหนึ่งในประตูที่สวยที่สุดตลอดกาลที่เกิดขึ้นในนัดชิงชนะเลิศ เจ้าตัวเปิดเผยว่าไม่ค่อยพอใจในบทบาทตัวสำรองที่ต้องเป็นอยู่บ่อยครั้งในฤดูกาลนี้ และพร้อมที่จะพิจารณาข้อเสนอที่เข้ามาในช่วงซัมเมอร์


รวมไปถึงกระแสดราม่าของ “คาริอุส” ที่ได้สร้างความเจ็บปวดให้กับเพื่อนร่วมทีมและแฟนบอลอย่างไม่น่าเชื่อ ทั้งที่เจ้าตัวเริ่มต้นเกมได้อย่างยอดเยี่ยม มีจังหวะเซฟอยู่บ่อยครั้ง ก่อนที่ประสบการณ์จะทำพิษ ความประมาทเพียงเสี้ยววินาทีเดียวก่อให้เกิดความผิดพลาด ซึ่งนำไปสู่การเสียประตูแรก


ก่อนที่“คาริอุส” จะโดนการยิงอย่างหมดหนทางป้องกันจริงๆ ในลูกที่สอง แต่ถึงกระนั้นด้วยสภาพจิตใจที่ไม่พร้อม และไม่สามารถกลับเข้ามาสู่เกมส่งผลให้เขาเสียประตูที่สาม จากการยิงแบบ “วัดใจ” ของ “พญาวานร” ที่ซัดโดยความมั่นใจที่เข้าฝักเต็มที่




สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้แฟนบอล “หงส์แดง” บางส่วนที่ยังคงเจ็บปวด เกิดความไม่พอใจ และไม่อยากจะให้เจ้าตัวในวัย 24 ปี ลงเฝ้าเสาต่อไป ในขณะที่อีกส่วนหนึ่งยังอยากให้โอกาสหนุ่มเยอรมันที่ “กล้า” ออกมาขอโทษแฟนบอล พร้อมรับผิดด้วยตัวคนเดียวให้กลับมาสู้ต่อไปอีกครั้ง


เชื่อว่าภาพทั้งหมดจะยังคงอยู่ในจิตใจของเจ้าตัวไปอีกนาน ขึ้นอยู่ว่า “คาริอุส” จะกลับมาต่อสู้กับจิตใจของตนเองและกลับมาได้อย่างแข็งแกร่งกว่าเดิมหรือไม่


แต่ที่ดูจะเป็น “ดราม่า” ที่รุนแรงที่สุด คือ จังหวะของ “เซร์คิโอ รามอส” กับ “โมฮาเหมด ซาลาห์” ที่ได้กลายเป็นจังหวะที่มีการวิพากย์วิจารณ์กันอย่างดุเดือด และล่าสุดไปจนถึงขั้นยื่นชื่อร้องให้ทาง “ยูฟ่า” แบน “รามอส” ย้อนหลัง


ในขณะที่หลายฝ่ายได้มีการนำภาพรีเพลย์มาดูย้อนหลัง พร้อมวิเคราะห์กันในจังหวะดังกล่าวอย่างจริงจัง ว่าเป็น “อุบัติเหตุ” หรือ “จงใจ”


ตรงนี้ขอให้เป็นวิจารณญาณและความเห็นส่วนตัวของผู้อ่าน...


แต่อย่างหนึ่งเราต้องยอมรับว่า “รามอส” คือหนึ่งในกองหลังที่เข้าบอลได้หนักหน่วงและรุนแรงมาโดยตลอด และขึ้นชื่อเรื่องการ “ตุกติก” และ “หัวร้อน” การันตีด้วยสถิติใบแดง-เหลืองที่มากที่สุดในลาลีก้า และใบเหลืองมากที่สุดในยูฟ่าแชมเปี้ยนลีก!


แต่ประเด็นที่อยากให้ลองมอง  คือ ทำไมคนที่เล่นบอลได้ “โหด” ขนาดนี้ ถึงได้ปลอกแขนกัปตันทีมที่แกร่งที่สุดตลอดกาลของยูฟ่าแชมเปี้ยนลีกมาไว้ครอบครอง




ผมเองก็ไม่ได้ชื่นชอบนักเตะประเภทฮาร์ดแมนแบบรามอสสักเท่าไหร่ และก็เชื่อว่าไม่มีแฟนบอลทีมตรงข้ามทีมไหนจะชื่นชอบสไตล์การเล่นของชายผู้นี้ แต่ถ้าเราลองถอดหัวโขน แล้วมองอย่างที่แฟนบอลของเรอัล มาดริด มอง ผมว่าผมพอจะได้คำตอบครับ


แม้ว่าเป็น “วายร้าย” ของคู่แข่ง แต่ในอีกมุมหนึ่งความพยายามที่จะทำทุกวิถีทางมันกลับเป็นสิ่งที่คนทั้งทีมยอมรับ ไม่ว่าจะในรูปแบบไหน แม้ว่าจะโดนทั้งโลกเกลียดชังและแช่งสาป แต่ขอให้ทีมเอาชนะ เขาก็พร้อมที่จะแลกแม้ว่างานที่จะต้องทำมันจะ “สกปรก” แค่ไหนก็ตาม


และหากเราลองมองย้อนดูไปยังทีม “แชมป์” ก็มักจะมีนักเตะประเภทนี้อยู่ในทีม อย่างน้อยไม่หนึ่งก็สองคนเสมอ นั่นเป็นเพราะพวกเขาเป็นคนที่มีหัวจิตหัวใจที่ห้าวหาญและจดจ่ออยู่กับชัยชนะมากที่สุด และเหมาะกับกีฬาประเภท “ทีม” เป็นอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นกีฬาประเภทไหน


ในโลกของฟุตบอลเรา ตัวอย่างที่ชัดเจนก็เช่น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มี รอย คีน , อาร์เซนอล มี วิเอร่า บาร์เซโลนา มีจอมตุกติก อย่าง บุสเกตต์, อิตาลีชุดแชมป์โลก มี มาเตรัซซี่, เชลซี เคยมี ดิเอโก้ คอสต้า ฯลฯ


ยังไม่รวมคนอื่นๆ อย่าง กัตตูโซ่, ดันแคน เฟอร์กูสัน, หรือแม้กระทั่ง หลุยส์ ซัวเรส ในช่วงเวลาที่อยู่กับลิเวอร์พูล หรือ อุรุกวัย เขาก็แสดงให้เห็นหลายครั้งว่าพร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อให้ทีมชนะ




ในกีฬาอย่างบาสเกตบอล “ชิคาโก้ บูลส์” ในยุคที่แข็งแกร่งที่สุดช่วงปี 1995-1996 เราอาจจะได้เห็นด้านสว่างของทีมชุดนี้ที่นำโดย “ไมเคิล จอร์แดน” พระเจ้าแห่งวงการบาสเกตบอล พร้อม คู่หูอย่าง “สก็อต พิพเพ่น” แต่ด้านมืดที่คอยทำงานปัดกวาดเช็ดถู คือ หนึ่งใน “วายร้าย” ตลอดกาลของวงการบาสเกตบอลอย่าง “เดนนิส รอดแมน”


เช่นเดียวกันยุคปัจจุบันเราได้เห็นปรากฏการณ์ สตีเฟ่น เคอร์รี่ ที่ทำให้เกิดแฟนบาสโกลเด้น สเตท ขึ้นมาเป็นทิวแถว เด็กๆ ต่างอยากแห่กันชู๊ตสามแต้ม ทว่าหนึ่งในฟันเฟืองหลักของทีมชุดนี้ชนิดที่ขาดไม่ได้ คือ ผู้เล่นที่ขึ้นชื่อในการเล่นเกมรับและการตุกติก อย่าง “เดรย์มอน กรีน”


สิ่งเหล่านี้มันเหมือนกับเป็น “สมดุล” เป็นแสงและเงาภายในทีมกีฬาที่ต้องบาลานซ์ ให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับทีม


ขึ้นอยู่กับว่าเวลาที่ทีมนั้นได้ “แชมป์” ใครจะกลายเป็น “ดาร์ค ไนท์” ให้ฝ่ายตรงข้ามแช่งสาปเท่านั้นเอง





ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด