:::     :::

โครตแข้งรุ่นใหญ่ (แต่) ไร้เหรียญแชมเปี้ยนส์ลีก

วันอาทิตย์ที่ 03 มิถุนายน 2561 คอลัมน์ เด็กเก็บบอล โดย ยักษ์เดนส์
7,273
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ปิดฉากลงไปเรียบร้อยกับเกมชิงถ้วยยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เป็น เรอัล มาดริด ที่ผงาดคว้าแชมป์ไปครองได้อีกครั้ง
         นับเป็นการคว้าแชมป์รายการนี้เป็นสมัยที่ 13 ของสโมสร และเป็ยสมัยที่สามติดต่อกัน ทำเอาบรรดาพ่อค้าแข้ง "ราชันชุดขาว" เกือบยกชุดนี้เฮฮาปาร์ตี้กับเหรียญรายการนี้ที่ไม่ใช่ว่าจะได้กันมาง่ายๆ
         โดยเฉพาะ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ที่ประกาศศักดากวาดแชมป์ถ้วยใหญ่ของยุโรปเป็นสมันที่ 5 แล้ว โดยแยกเป็นหนึ่งหนกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และอีกสี่หนกับ เรอัล มาดริด
    
         ในขณะที่นักเตะไร้ชื่อเสียงเรียงนามหรือชื่อชั้นไม่ได้เป็นนักเตะฝีเท้าดีอะไรมากมายก้าวไปถึคงตำแหน่งสูงสุดจองฟุตบอลสโมรยุโรป ก็ยังมีอีกหลายคนที่ได้รับการยอมรับนับถือว่าเป็นสุดยอดนักเตะของโลกแต่กลับไปไม่ถึง
        จะด้วยเหตุผลว่าไม่มีวาสนา ทีมที่ค้าแข้งศักยภาพไม่เป็นใจ หรือจะอะไรก็ตามแต่ สุดท้ายก็ลงเอยด้วยการไร้เหรียญแชมป์ถ้วยใหญ่ของยุโรปอยู่ดี
          วันนี้ลองไปดูกันว่า "ยอดแข้ง" คนไหนที่แม้จะกวาดโทรฟี่มามายมาก แต่ถ้วยแชมเปี้ยนส์ ลีกคือสิ่งที่พวกเขาไม่เคยได่รับจนกระทั่งแขวนสตั๊ดไป
9.ปาทริค วิเอร่า
         
         หนึ่งในกองกลางที่ดีที่สุดในโลกในยุคของเขาเอง นักเตะที่กวาดแชมป์มาอย่างมากมาย แม้กระทั่งแชมป์โลกหรือแชมป์ยูโรก็เคยฟาดมาแล้ว
         ปาทริค วิเอร่า คือขุนพลคนสำคัญของ อาร์เซน่อล เรียกได้ว่าเป็นมิดฟิลด์ที่ดีที่สุดในยุคของ อาร์แซน เวนเกอร์ เลยก็ว่าได้ เป็นผู้ที่นำทัพปืนใหญ่ให้ขึ้นมายืนอยู่ในระดับแถวหน้าของฟุตบอลอังกฤษด้วยการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 3 สมัย และอยู่ในชุด "ไรพ่าย" เมื่อปี 2003/04 ด้วย
         แม้กระทั่งการค้าแข้งกับยอดทีมอย่าง ยูเวนตุส และ อินเตอร์ มิลาน (ในตอนนั้น) ก็ยังไม่สามารถพาไปถึงฝั่งฝัน เรียกได้ว่านี่เป็นแชมป์เดียวที่เขาลงเล่นและพลาดไปเลย
8.ฟาบิโอ คันนาวาโร่
              
          กองหลังที่ได้ชื่อว่าเป็นนักเตะที่ดีที่สุดในโลก โด่งดังมาตั้งแต่สมัยเป็นดาวรุ่งอยู่ในทีมอิตาลีชุดอายุไม่เกิน 21 ปีที่คว้าแชมป์ยุโรปเมื่อปี 1994 และ 1996
        เส้นทางอาชีพในช่วงที่พีคที่สุดล้วนอยู่กับสโมสรที่มีลุ้นถ้วยยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกทั้งกับ อินเตอร์ มิลาน, ยูเวนตุส รวมถึงจ้าวยุโรปอย่าง เรอัล มาดริด แต่เหลือเชื่อว่าเจ้าตัวกลับไม่มีเหรียญแชมป์รายการนี้ในครอบครอง
         แม้กระทั่งใน่วงที่พีคที่สุดกับการพาทีมชาติอิตาลีเป็นแชมป์ฟุตบอลโลกเมื่อปี 2006 พร้อมก้าวไปคว้ารางวัลบัลลง ดอร์มาครองได้ก็ยังไปไม่ถึงดวงดาว
         ใกล้เคียงที่สุดก็แค่ถ้วยยูฟ่า คัพเมื่อปี 1999 สมัยค้าแข้งกับ ปาร์ม่า เท่านั้นเอง
7.รุด ฟาน นิสเตลรอย
                     
         สุดยอดกองหน้าที่ได้ชื่อว่าจบสกอร์ดีที่สุดคนหนึ่งของโลก ย้ายมาร่วมทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เมื่อปี 2001 สองปีให้หลังจากที่ทัพ "ปีศาจแดง" โค่น บาเยิร์น มิวนิค ครองจ้าวยุโรป โดยที่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน หวังดึงตัวมาช่วยสานต่อความสำเร็จในฟุตบอลยุโรปให้ได้
         แน่นอนว่าผลงานส่วนตัวของดาวยิงชาวฮอลแลนด์รายนี้นั้นต้องใช้คำว่า "สุดยอด" เพียงด้วยผลงานโดยรวมของทีมทำให้นักเตะไปไม่ถึงดวงดาว
         แม้กระทั่งในช่วง 4 ปีในชุดของ เรอัล มาดริด ก็ยังไม่อาจจะเสกถ้วยยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกสักใบมาไว้ในครอบครองกับเขาได้บ้าง 
         สถิติประตูในถ้วยใหญ่ของยุโรปที่กดไป 56 ลูกจาก 73 เกม เฉลี่ยที่ 0.77 ประตูต่อเกม คือตัวบ่งชี้ได้เป็นอย่างดีถึงความสุดยอดของหัวหอกรายนี้
         แต่นั่นก็เป็นเหมือนความไม่ยุติธรรมเพราะเขาเป็นนักเตะคนเดียวในท็อป 5 ดาวยิงสูงสุดของถ้วยใบนี้ซึ่งไม่เคยได้แชมป์มาเชยชม
6.เอร์นาน เครสโป
           
         กองหน้าที่อันตรายที่สุดคนหนึ่งยามอยู่ในกรอบเขตโทษ เอร์นาน เครสโป ถือเป็นคนที่ต้องเจ็บใจที่สุดกับการชวดคว้าเหรียญรางวัลรายการนี้มาไว้ในครอบครอง
         ย้อนกลับไปเมื่อปี 2005 ในรอบชิงชนะเลิศที่อิสตันบูล ประเทศตุรกี, ดาวยิงชาวอาร์เจนติน่าในคราบสโมสรเอซี มิลาน ยอดทีมจากอิตาลี เข้าชิงชนะเลิศกับ ลิเวอร์พูล สโมสรจากอังกฤษ
          ทุกอย่างเป็นไปอย่างสวยหรู เครสโป กดสองประตูให้ "ปีศาจแดง-ดำ" ขึ้นนำสบาย 3-0 ในครึ่งเวลาแรก เป็นใครก็ไม่คิดว่าแชมป์จะหลุดมือไปได้
         อนิจจาครึ่งหลังหนังคนละม้วน ลิเวอร์พูล ตามตีเสมอ 3-3 ก่อนยื้อถึงดวลจุดโทษ "หงส์แดง" เอาชนะไปได้ 3-2 ปาดหน้าคว้าแชมป์ไปอย่างเจ็บแสบ
5.พาเวล เน็ดเว็ด
       
         สุดยอดกองกลางที่แฟนบอลทั่วโลกต้องยกนิ้วให้ นักเตะที่ได้ชื่อว่าติดอยู่ในทำเนียบยอดแข้งตลอดกาลของทีมชาติเช็ก กับสุดยอดสโมสรอย่าง ยูเวนตุส
         พาเวล เน็ดเว็ด คือหนึ่งในนักเตะที่เจ็บช้ำ (มาก่อนหน้า เอร์นาน เครสโป) เมื่อพาทีมเข้าชิงชนะเลิศยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกในปี 2003 ด้วยผลงานยอดเยี่ยมมาตลอดฤดูกาล
         เปิดฉากด้วยการคว้ารองแชมป์กลุ่มที่มี แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นแชมป์ ตามด้วยก่อนก่อนรองชนะเลิศโค่น บาร์เซโลน่า ตามด้วยการเบียด เรอัล มาดริด ในรอบตัดเชือกเข้าไปชิงแชมป์กับ เอซี มิลาน คู่ปรับร่วมลีก
         ด้วยสไตล์อิตาเลี่ยนเหมือนกัน เกม 120 นาทีลงเอยด้วยการเสมอกันไร้สกอร์ 0-0 ต้องตัดสินด้วยการดวลจุดโทษ แต่สุดท้ายเป็น เอซี มิลาน แม่นกว่าชนะไป 3-2 ชวดคว้าเหรียญแชมป์ไปในนาทีสุดท้าย
4.ลิลิยง ตูราม
     
         ปราการหลังร่างแกร่งผู้ผ่านมาทุกสมรภูมิรบ ฮีโร่ผู้เป็นกำลังสำคัญในการพาทีมชาติฝรั่งเศสเถลิงบัลลังค์แชมป์โลกเมื่อปี 1998 โดยเฉพาะสองประตูใส่ โครเอเชีย ในรอบรองชนะเลิศให้ตราไก่ชนะ 2-1 ถือว่ามาถูกที่ถูกเวลาสุดๆ เพราะนั่นคือสองประตูที่เจ้าตัวทำได้ในนามทีมชาติด้วย
         ซึ่งนอกจากแชมป์โลกแล้วก็ยังมีแชมป์ยุโรปปี 2000 ที่คว้ามาครอบครองไว้ได้ แต่ก็อีกนั้นแหละ ถ้วยยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก สุดยอดปราถนาของบรรดาพ่อค้าแข้งทั่วโลก ลิลิยง ตูราม ก็ถือเป็นอีกคนที่อยู่ในทำเนียบผู้พ่ายแพ้
         สตาร์ผิวสีประสบชะตากรรมเดียวกันกับ พาเวล เน็ดเว็ด เนื่องจากอยู่ในทีมเดียวกันเลย แม้จะทำได้อย่างยอดเยี่ยมระหว่างเกมที่จัดการไม่ได้คู่แข่งเข้าไปพังประตูได้ แต่สุดท้ายก็ลงเอยด้วยความปราชัยจากการดวลจุดโทษอยู่ดี
3.ซลาตัน อิบราฮิโมวิช
     
         แม้ว่า ซลาตัน อิบราฮิโมวิช จะค้าแข้งกับยอดทีมของโลกมาตลอดช่วงอาชีพตั้งแต่ อาแจ็กซ์ เรื่อยมาทั้ง ยูเวนตุส, อินเตอร์ มิลาน, บาร์เซโลน่า, เอซี มิลาน, ปารีส แซงต์-แชร์กแมง และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แต่สิ่งที่เหมือนกันก็คือยังไม่ได้เคยแชมป์ยุโรป
         ในทุกสโมสรที่ "พระเจ้า" ไปค้าแข้ง ทุกที่มีตำแหน่งแชมป์การันตีทั้งหมด แต่ทว่ายูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกกลับเป็นถ้วยเดียวที่ยังไม่เคยได้มาเชยชม
         สถิติลงสนาม 120 เกมในรายการนี้ สูงที่สุดตลอดกาลเป็นอันดับ 4 รองแค่ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ (153), ราอูล กอนซาเลซ (142) และ ลิโอเนล เมสซี่ (125) พร้อมกับยิงไป 48 ลูก สูงที่สุดเป็นอันดับ 8 แต่ก็เท่านั้น
         ปัจจุบันกับการค้าแข้งช่วยปลายอาชีพที่แอลเอ แกแล็คซี่ คงต้องบอกว่า ซลาตัน อิบราฮิโมวิช จะเป็นอีกหนึ่งคนที่หมดโอกาสกับถ้วยนี้ไปแล้ว
2.จานลุยจิ บุฟฟ่อน
      
         หากจะบอกว่าคนที่เจ็บช้ำน้ำใจที่สุดกับการพลาดไปถึงเส้นชัยในสโมสรยุโรป ชื่อของ จานลุยจิ บุฟฟ่อน ต้องเป็นหนึ่งในนั้นอย่างแน่นอน
         กับถ้วยรางวัลที่ยาวเป็นหางว่าวกับ ยูเวนตุส รวมถึงแชมป์โลกกับ อิตาลี แต่เหมือนจะยังไม่เติมเต็มความต้องการของยอดนายทวารผู้นี้
         2003, 2015 และ 2017 คือสามครั้งที่ บุฟฟ่อน สวมถุงมือเฝ้าเสาพาทีมม้าลานยฝ่าด่านทั้งหลายจนทะลุเข้าไปยืนในรอบชิงชนะเลิศ และทั้งหมดลงเอยด้วยการยืนดูคู่แข่งชูถ้วยอย่างน่าเจ็บใจ
         หรือแม้กระทั่งในปีนี้ในรอบรองชนะเลิศที่โดน เรอัล มาดริด "ปล้น" ชัยไปต่อหน้าต่อตาหลังจากที่พ่ายแพ้คาบ้าน 0-3 ทัพ ยูเวนตุส บุกเอาคืนได้ถึง เบร์นาเบว 3-0 แต่ช่วงท้าย ไมเคิ่ล โอลิเวอร์ เผาชาวอังกฤษกลับมาให้จุดโทษค้านสายตา (แฟนบอลม้าลายอย่างที่สุด) ก่อนที่ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ จะสังหารส่งทีมจากอิตาลีร่วงตกรอบไป
         ในวัย 40 ปี แม้จะอำลา ยูเวนตุส ไปแล้วแต่ยืนยันยังไม่แขวนถุงมือ อาจจะเป็น ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ที่ได้ไป และเป้าหมายของเขามีอย่างเดียวเท่านั้นคือ "จ้าวยุโรป"
1.โรนัลโด้
                      
         สุดยอดกองหน้าอันดับหนึ่งของโลกในใจใครหลายคน ไม่อยากจะเชื่อว่ามีชื่อเป็นหนึ่งในผู้ที่ไม่เคยได้แชมป์รายการนี้กับเค้าเหมือนกัน
         หลังจากสร้างชื่อขึ้นมาตั้งแต่อายุยังไม่ถึง 20 ปีดี ค้าแข้งกับยอดทีมมาก็ตั้งมากมายทั้ง อินเตอร์ มิลาน, บาร์เซโลน่า, เรอัล มาดริด และ เอซี มิลาน คว้าแชมป์โลกมาแล้วสองสมัยรวมถึงเป็นรองแชมป์อีกหนึ่งสมัย แต่ระดับสูงสุดของรายการสโมสรยังไม่อยู่ในมือยอดดาวยิงผู้นี้
         จะด้วยเพราะว่าช่วงเวลากับเจ้าบุญทุ่มช่วงนั้นคือยุคตกต่ำ หรือจะกับ อินเตอร์ มิลาน ที่มักท่าดีทีเหลว แม้กระทั่งในยุค "กลาคติกอส" ของ เรอัล มาดริด ก็ไม่เข้าใกล้เลย แม้รอบชิงชนะเลิศก็ไปไม่ถึง
         โรนัลโด้ จึงถือเป็นดาวเตะหมายเลข 1 ของโลกที่ไม่เคยได้ถ้วยยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกมาครอง


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด