ปกติ โซลชา จัดระบบ 4-2-3-1 แบบเน้นตัววิ่งเร็วสำหรับเกมโต้กลับ แต่เกมที่ เทิร์ฟ มัวร์ บอสวัย 47 ปีโยก อองโตนี่ มาร์กซิยาล จากหอกเป้ามายืนปีกซ้ายแล้วให้ เอดินสัน คาวานี่ ซึ่งพ้นแบนพอดี แถมสูงใหญ่ไปชนคู่เซนเตอร์แบ็ก เจมส์ ทาร์คอฟสกี้, เบน มี แทนแข้งเฟร้นช์แมน 

ปรากฏว่าหอกเก๋าสร้างประโยชน์มากทั้งเรื่องประสบการณ์, พักบอลแดนหน้า, ดึงจังหวะรอเพื่อนหรือเรียกฟาวล์ แม้ไม่พุ่งทะยานเหมือน มาร์กซิยาล ยืนเบอร์ 9 แต่แทนที่ด้วยความสุขุมแล้วดูเซนส์บอลทัน บรูโน่ แฟร์นันด์ส 

จุดต่อมาคือมิดฟิลด์คู่กลางที่ปกติ ปอล ป็อกบา จะสลับจับคู่ สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ หรือ เฟร็ด แต่เกมวานนี้เป็นโอกาสผู้เฒ่า เนมานย่า มาติช 

https://twitter.com/ManUtd/status/1349144208540631052

เท่ากับว่า ป็อกบา (1.91 เมตร) กับ มาติช (1.94 เมตร) ได้เปรียบเวลาดวลแดนกลาง เบิร์นลี่ย์ จอช บราวน์ฮิลล์ (1.79 เมตร) กับ แอชลี่ย์ เวสต์วู้ด (1.74 เมตร) เหลือเฟือ ทั้งหน่วยก้าน, ทักษะฟุตบอล และการยืนตำแหน่ง แถมเวลาป้องกันลูกกลางอากาศก็ผ่อนภาระหลังบ้าน 

ปิดท้ายตำแหน่งเซนเตอร์แบ็กเลือก เอริค ไบยี่ จับคู่ แฮร์รี่ แม็คไกวร์ ซึ่งเรียกว่าเป็นพาร์ทเนอร์ที่เข้าขาสุดแถมเก่งป้องกันลูกโด่ง แม้ก่อนแข่งกัปตันเลือดผู้ดีสะสมใบเหลืองขึ้นแท่น 4 ใบหากโดนอีกแบนอัตโนมัติเกมพบ ลิเวอร์พูล (17 ม.ค.) 

แต่เมื่อมี ไบยี่ มารับงานสกปรกทั้งเสียบ ทั้งชน ทั้งบู๊ ปล่อย แม็คไกวร์ ดักจังหวะสอง หรือดักทาง ก็ทำให้ ยูไนเต็ด เก็บอีกคลีนชีตอย่างสมบูรณ์แบบ แล้วสลับรับมือคู่หอกเจ้าเวหา คริส วู้ด, แอชลี่ย์ บาร์นส์ แบบไม่เหลือบ่ากว่าแรง