อย่างไรก็ตาม นาทีที่ 11 ชลบุรี เอฟซี เจ้าถิ่น ก็มาได้ประตูขึ้นนำไปก่อน ลูกเปิดจากริมเส้นฝั่งขวา ของ กฤษดา กาแมน ไปเข้าศรีษะ ของ เอลิอันโดร กอนซากา โหม่งเน้นๆเข้าไป ชลบุรี เอฟซี ขึ้น 1-0

จากนั้นรูปเกมของ ชลบุรี เอฟซี เริ่มดีขึ้นตามลำดับ และ มีโอกาสอีกครั้งจาก นพนนท์ คชพลายุกต์ แต่ทว่าในจังหวะนี้บอลออกหลังไปแบบมีลุ้น

นาทีที่ 21 กษิดิ์เดช เวทยาวงศ์ ทำเกมร่วมกับ เลอันโดร อัสซัมเซา ก่อนที่จังหวะสุดท้าย เลอันโดร อัสซัมเซา จะได้ยิงด้วยซ้าย บอลเข้ามือ ชนินทร์ แซ่เอียะ ที่เซฟเอาไว้ได้ไม่พลาด

ท้ายครึ่งแรก ทั้ง 2 ทีมเปิดเกมแลกหมัดเข้าใส่กันอีกครั้ง ซึ่งก็มีจังหวะได้ลุ้นประตู 2-3 ครั้งเท่าๆกัน แต่ยังไม่มีฝ่ายใดเปลี่ยนโอกาสที่มีให้เป็นสกอร์ได้ จบครึ่งแรก ชลบุรี เอฟซี 1-0 สุพรรณบุรี เอฟซี

ครึ่งหลัง เริ่มเกมมาไม่ถึง 5 นาที ชลบุรี เอฟซี ได้ลุ้นประตูที่ 2 จากจังหวะที่ เอลิอันโดร กอนซากา ใช้ความหนาบังบอล ก่อนจ่ายต่อให้ ภานุพงศ์ พลซา ได้ยิงด้วยขวา บอลเหินข้ามคานออกหลัง

นาทีที่ 55 ชลบุรี เอฟซี หนีห่างออกไปเป็น 2-0 จนได้ บอลเปิดจากริมเส้นฝั่งขวาไปถึง ภานุพงศ์ พลซา ได้ชาร์ตเน้นๆแต่ทว่าบอลไปชนคาน กระเด้งออกมา บอลมาเข้าทาง วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ แบบจ่อๆไม่พลาด

หลังตกเป็นฝ่ายตามหลัง 2 ประตู สุพรรณบุรี เอฟซี แก้เกมด้วยการเปลี่ยนผู้เล่นสำรอง ลงสนาม และ พยายามเปิดเกมบุกเข้าใส่ ชลบุรี เอฟซี เพื่อหวังทวงประตูคืนให้ได้

นาทีที่ 71 ชลบุรี เอฟซี ต้องมาเหลือ ผู้เล่นเพียงแค่ 10 คนเท่านั้น เมื่อ เรนาโต เคลิช ไปทำฟาวล์ กษิดิ์เดช เวทยาวงศ์ ในจังหวะโต้กลับ ซึ่งผู้ตัดสินควักใบเหลืองที่ 2 ไล่ เรนาโต เคลิช ออกจากสนามไป

ด้วยจำนวนตัวผู้เล่นที่มาก ทำให้ สุพรรณบุรี เอฟซี ได้ฮึดอีกครั้ง พยายามปั้นเกมโหมดบุกเข้าใส่ ชลบุรี เอฟซี ต่อเนื่อง และเกือบจะได้ประตูตีไข่แตก จาก ลูกโหม่ง ในกรอบเขตโทษ ของ เลอันโดร อัสซัมเซา แต่ทว่าบอลโดนไม่เต็มศรีษะออกหลัง

ท้ายเกม สุพรรณบุรี เอฟซี ยังคงบุกหนัก แต่เจาะแนวรับ ชลบุรี เอฟซี ไม่เข้า แถมในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ยังมาเสียประตูที่ 3 เพิ่ม บอลโต้กลับทางฝั่งซ้าย สัมพันธ์ เกษี เปิดเปลี่ยนแกนไปให้ รังสรรค์ วิรุฬศรี จับบอลก่อนเปิดย้อนไปให้ เสฎวุฒิ วงค์สาย ยิงเข้าประตูไป จบเกม ชลบุรี เอฟซี เอาชนะ สุพรรณบุรี เอฟซี ไปได้ด้วยสกอร์ 3-0 ผ่านเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายได้สำเร็จ