สหพันธ์ฟุตบอลยุโรป (ยูฟ่า) มีแนวคิดสร้างถ้วยใหม่เพราะอยากให้ทีมเล็ก ที่แทบไม่ได้มาเล่นถ้วยยุโรป ได้โอกาสมากขึ้น ดังนั้น จะมีทีมโนเนม ไม่คุ้นหู จากประเทศเล็กๆ เข้าร่วมกันเพียบ

เดิมทีโควตา ยูโรปา คอนเฟอเรนซ์ ลีก ของอังกฤษจะเป็นของแชมป์ คาราบาว คัพ แต่ปีนี้แชมป์คือ แมนฯ ซิตี้ ที่ได้ไปชปล. อยู่แล้วสิทธิ์เตะ ยูโรปา คอนฯ จึงหล่นมาถึงที่ 7 

โดย ‘ปืนใหญ่’ แม้อยู่ที่ 9 ตารางมี 59 คะแนนแต่ก็ลุ้นเอาที่ 7 ได้ เงื่อนไขคือต้องชนะ ไบรท์ตัน และแช่งให้ สเปอร์ส กับ เอฟเวอร์ตัน ซึ่งมี 61 คะแนนเท่ากันแพ้เกม 

นำมาซึ่งประเด็นที่ อาร์เตต้า พูดถึงกรณีได้ไปแข่งชิงแชมป์สโมสรยุโรปรายการใหม่ว่าไม่ใช่ความสำเร็จตามเป้าหมายแรก แต่อย่างไรเสียกำขี้ก็ดีกว่ากำตด 

“เราสัมผัสประสบการณ์ยูโรปา ลีก มาตลอด 2-3 ปีหลัง ก็เห็นว่าลงแข่งแล้วลำบากเพราะคิวเตะเยอะ บวกเวลาฟื้นตัวจากแต่ละนัดเพื่อแข่งเกมลีกสุดสัปดาห์ต่อนั้นถือว่าสั้น” อาร์เตต้า เปิดปาก 

https://twitter.com/footballdaily/status/1395663930194898944

“มีประวัติมาเพียบสำหรับทีมที่ลงแข่งยูโรปา ลีก แล้วมักส่งผลให้ฟอร์มในลีกผู้ดีย่ำแย่แต่เราก็ยังต้องพยายามจบฤดูกาลให้ดีสุดเท่าที่ทำได้ โอกาสอาจน้อย แต่ดีกรีของสโมสรเราจำเป็นต้องได้ไปเล่นชิงแชมป์สโมสรยุโรป” 

“มาพยายามจบอันดับให้ดีสุดเท่าที่ทำได้ แล้วจากนั้นก็ค่อยมุ่งมั่นดูไม่ว่ารายการใดที่มีส่วนร่วม ยังต้องทำมันสุดความสามารถด้วย” 

“ถ้าได้อันดับ 7 จริงๆดีพอสำหรับ อาร์เซน่อล หรือไม่งั้นหรือ? ไม่เลยมันไม่ใช่อันดับที่เราต้องการ” 

เรื่องที่ อาร์เตต้า พอยิ้มได้คือต่อให้ไม่ชนะเกมปิดซีซั่นแต้มจะมากกว่าที่ทำได้ฤดูกาลก่อน รวมถึงอุตส่าห์เข้าตัดเชือก ยูโรปา ลีก ซึ่งบอสวัย 39 ปีมองว่าอย่างน้อยยังมีพัฒนาการ 

“ความจริงคือเราไม่ได้ใกล้เคียงการแย่งแชมป์ลีก หรือหากได้ชิงฯ ยูโรปา ลีก คงมองแบบโลกสวยได้มากกว่านี้” อาร์เตต้า เสริม 

“ปีนี้การร่วง ยูโรปา ลีก รอบรองฯก็ดีกว่าซีซั่นก่อนที่ด่วนตกแค่รอบ 16 ทีม, ฟุตบอลลีกแต้มมากกว่าปีก่อน 2 คะแนนทั้งที่เหลืออีกนัด แต่มันยังห่างไกลจากเป้าหมายที่ต้องการ ทั้งหมดทั้งมวลเกมสุดท้ายก็ต้องชนะให้ได้”  

หนสุดท้ายที่ อาร์เซน่อล ไม่ได้ไปเล่นฟุตบอลยุโรปรายการไหนเลยคือซีซั่น 1995-96 เนื่องจากปีก่อนนั้นจบอันดับ 12 ตาราง