เดนมาร์ก วาง  อันเดอร์ส เดรเยอร์ และ ยาค็อบ บรุน ลาร์เซ่น เป็นตัวหลักในเกมรุก ส่วน เยอรมัน มี โฟลเรียน เวียร์ทซ์ ดาวรุ่งจาก เลเวอร์คูเซ่น เป็นจอมทัพอยู่ข้างหลัง ลูคัส เอ็นเมชา 

ตลอดครึ่งแรก "อินทรีน้อย" ครองบอลได้มากกว่าและได้โอกาสยิงถึง 11 ครั้ง ทว่าเข้ากรอบครั้งเดียวและยังไม่สามารถส่งบอลตุงตาข่าย เดนมาร์ก ได้ ทำให้จบ 45 นาทีแรกเสมอกัน 0-0

ครึ่งหลัง ทัพโคนม แก้เกมได้ดีขึ้นและเป็นฝ่ายออกนำ 1-0 ในนาที 69 จากจังหวะที่ คาร์โล โฮลเซ่ จ่ายบอลให้ วาฮิดุลลาห์ ฟากีร์ ดาวยิงวัยเพียง 17 ปี ซัดด้วยซ้ายในเขตโทษเข้าไป

เยอรมันไม่ถอดใจสามารถตามตีเสมอ 1-1 ก่อนจบเกม 2 นาทีจากการยิงของ ลูคัส เอ็นเมชา ดาวรุ่งจาก แมนฯ ซิตี้ ที่ฤดูกาลล่าสุดเล่นให้ อันเดอร์เลชท์ ในเบลเยียม ทำให้จบ 90 นาทีเสมอกัน 1-1 ต้องต่อเวลาพิเศษ

ช่วงต่อเวลาเป็นทาง เยอรมัน ที่แซงนำในนาที 110 เมื่อ เดวิด รุม เปิดบอลให้ โจนาธาน บวร์กคาร์ดท์ ดาวยิงจาก ไมนซ์ กดด้วยซ้ายในเขตโทษเข้าไปส่งให้อินทรีน้อยนำ 2-1

ทว่านาที 108 เดนมาร์ก ก็มาได้จุดโทษก่อนเป็น วิคเตอร์ เนลส์สัน ซัดตุงตาข่ายทำให้สกอร์กลับมาเสมอกันอีก 2-2 

จากนั้นไม่มีประตูเกิดขึ้นอีก ทำให้จบเกม 120 นาทีเสมอกัน 2-2 ต้องดวลจุดโทษ ปรากฎว่า 5  คนแรกพลาดไปฝั่งละคน ก่อนวัดกันที่ซัดเดนเดธคนที่ 6 เข้าทั้งคู่ แต่คนที่ 7 ของ เดนมาร์ก ยิงพลาด ส่วน เยอรมัน ไม่พลาด ทำให้ทัพอินทรีเหล็กเป็นฝ่ายชนะ และได้เข้ารอบตัดเชือกไปพบ ฮอลแลนด์ ในวันที่ 3 มิถุนายน