ฟุตบอล ยูโร 2020

กลุ่ม เอ 

ตุรกี 0 - อิตาลี 3

สนาม : สตาดิโอ โอลิมปิโก, โรม

เริ่มเกมมาได้ 3 นาที อัซซูรี่ ได้เสียวก่อน อเลสซานโดร ฟลอเรนซี่ วางขึ้นมาให้ โดเมนิโก้ เบราร์ดี้ สอดมาทางขวาก่อนตบเข้าในถึง ชิโร่ อิมโมบิเล่ หวดเข้าข้างตาข่าย

นาทีที่ 18 อิตาลี มีลุ้นอีกครั้งหนนี้เป็น โดเมนิโก้ เบราร์ดี้ ชิ่งมาให้ ลอเรนโซ่ อินซินเย่ เอี้ยวตัวปั่นด้วยขวาแต่บอลหลุดเสาไกล

ทัพเลี่ยนทำได้ดีกว่าเยอะ นาที 22 ได้โอกาสอีกครั้งจากเตะมุมทางขวา ลอเรนโซ่ อินซินเย่ เปิดมาให้ จอร์โจ้ คิเอลลินี่ โขกเต็มๆ แต่โดน อูกูร์ชาน ชาเคอร์ ปัดข้ามคานออกไป

อิตาลี อาจจะครองบอลมากกว่าแต่ไม่สามารถสร้างความอันตรายในจังหวะสุดท้ายได้ จบ 45 นาทีแรกเสมอกันไป 0-0

ครึ่งหลังนาทีที่ 53 อัซซูรี่ ออกนำ 1-0 โดเมนิโก้ เบราร์ดี้ โยกหลบ อูมุต เมราส ก่อนจะยัดเข้ากลางบอลโดนหน้าอก เมรีห์ เดมีราล เข้าประตูตัวเองไป

อิตาลี มาเป็นชุด นาทีที่ 54 เกือบได้เม็ดสองในจังหวะที่ เลโอนาร์โด้ สปินาซโซล่า สอดเข้าเขตโทษทางซ้ายแล้วยิงยัดเสาแรกแต่ไม่ผ่าน อูกูร์ชาน ชาเคอร์

นาทีที่ 57 อิตาลี พลาดได้ประตูที่สอง ชิโร่ อิมโมบิเล่ ไหลออกซ้ายให้ ลอเรนโซ่ อินซินเย่ หักในก่อนจะยิงติดบล็อก เมรีห์ เดมีราล ออกหลัง จากนั้นเป็นทาง มานูเอล โลคาเตลลี่ ยิงไกลติดเซฟ อูกูร์ชาน ชาเคอร์

อัซซูรี่ นำห่าง 2-0 ในนาที 66 โดเมนิโก้ เบราร์ดี้ เปิดจากทางขวาเข้าทาง เลโอนาร์โด้ สปินาซโซล่า ยิงติดเซฟ อูกูร์ชาน ชาเคอร์ แต่มี ชิโร่ อิมโมบิเล่ ตามซ้ำไม่เหลือซาก

สกอร์ขยับเป็น 3-0 ในนาที 79 เมื่อทาง อูกูร์ชาน ชาเคอร์ เปิดบอลไปติดผู้เล่นอิตาลีที่ต่อบอลขึ้นมาก่อนจะเป็น ชิโร่ อิมโมบิเล่ ไหลออกทางซ้าย ลอเรนโซ่ อินซินเย่ หักมายิงด้วยขวาเสียบเสาไกล

จบเกม อิตาลี เอาชนะ ตุรกี 3-0 ประเดิมนัดแรกด้วยชัยชนะ โดยเกมต่อไป อัซซูรี่ ดวลกับ สวิตเซอร์แลนด์ ส่วนขุนพล เติร์ก ปะทะ เวลส์ วันที่ 16 มิถุนายน

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม

ตุรกี: อูกูร์ชาน ชาเคอร์ - เซกี เชลิก, เมรีห์ เดมีราล, ชากลาร์ โซยุนชู, อูมุต เมราส - โอคาย โยคุสลู - เคนาน คารามาน, โอซาน ตูฟาน, ยูซุฟ ยาซีชี่, ฮาคาน ชาลาโนลู - บูรัก ยิลมาซ

อิตาลี: จานลุยจิ ดอนนารุมม่า - อเลสซานโดร ฟลอเรนซี่, เลโอนาร์โด้ โบนุชชี่, จอร์โจ้ คิเอลลินี่, เลโอนาร์โด้ สปินาซโซล่า - นิโกโล่ บาเรลล่า, จอร์จินโญ่, มานูเอล โลคาเตลลี่ - โดเมนิโก้ เบราร์ดี้, ชิโร่ อิมโมบิเล่, ลอเรนโซ่ อินซินเย่

ผู้ตัดสิน : แดนนี่ มักเคลี่ (ฮอลแลนด์)