แรชฟอร์ด โดดเด่นขึ้นมาเรื่องบทบาททางสังคมตลอด 2-3 ปีหลัง โดยเฉพาะช่วงโควิด-19 ระบาดในสหราชอาณาจักรรอบแรกได้เป็นผู้วิ่งเต้นให้รัฐบาลอย่าตัดงบประมาณอาหารกลางวันเด็กในโรงเรียนสังกัดกระทรวงศึกษาธิกาลเพราะค่าใช้จ่ายส่วนนี้คือภาระก้อนใหญ่สำหรับผู้ปกครองฐานะยากจน 

แล้วการเป็นโต้โผนี้ของดาวยิงวัย 23 ปีก็ประสบความสำเร็จได้รับคำชื่นชมจากหลายหน่วยงานใน-ต่างประเทศไม่ว่ามหาวิทยาลัยแมนเชสเตอร์ที่มอบดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์, นิตยสาร ไทม์ส ที่ยกให้เป็นบุคคลทรงอิทธิพล,รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์แห่งจักรวรรดิอังกฤษ หรือมีโอกาสถกกับ บารัค โอบาม่า อดีตปธน.สหรัฐฯ ในประเด็นทางสังคม

อย่างไรก็ตาม ‘แรช’ ก็มองว่าตัวเองคือนักเตะอาชีพสมควรเอาดีบนเส้นทางลูกหนัง มากกว่าแขวนสตั๊ดแล้วเบนเข็มเล่นการเมืองเนื่องจากอาจโดนเรื่องผลประโยชน์, การต่อ-รอง ฯลฯ จนเป้าหมายหลักที่อยากเปลี่ยนแปลงสังคมหักเหไป

“แน่นอนผมคงปฏิเสธงานการเมืองเพราะมันไม่ใช่สิ่งที่ตัวเองโตขึ้นไปแล้วอยากทำ” แรชฟอร์ด กล่าวในงานแถลงข่าวที่ศูนย์ฝึก เซนต์.จอร์จส พาร์ค 

https://twitter.com/Food_Foundation/status/1405072660707557376

“ใจผมมันไม่ไปแนวนั้น แต่มันยอดเยี่ยมมากที่ได้คุมกับ โอบาม่า ผมสนุกที่ได้แลกเปลี่ยนความคิดกับคนแบบแก, ได้เรียนรู้จากพวกเขา และทำในสิ่งที่เราทำได้หลังตกผลึกเมื่อรับฟังเรื่องเล่า มันจะเป็นสิ่งที่จดจำไปใช้เสมอ” 

ส่วนเป้าหมายจริงๆของ แรชฟอร์ด คือการประสบความสำเร็จบนเส้นทางลูกหนังตามต้นแบบ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ซึ่งอาจโคจรมาดวลกันใน ยูโร 2020 รอบต่อไปขึ้นกับว่าอังกฤษ และ โปรตุเกส จบอันดับเท่าไหร่ในกลุ่ม 

“การได้ดวลทีมชาติโปรตุเกสคงเป็นความรู้สึกที่ยอดเยี่ยมสำหรับทุกคนในขุมกำลังเพราะได้ปะทะนักเตะที่ดีสุดโลก เราต้องการทดสอบตัวเองกับทีมที่ดีสุด มันจึงเป็นเหตุผลทำไมเราผลักดันตัวเองทุกเมื่อเชื่อวัน” 

“เราไม่อยากเจองานเบา เราอยากดวลกับชาติที่ดีสุดโลก เราต้องการทำผลงานดีเมื่อสู้กับพวกเขา แล้วฐานะนักเตะมันคงเป็นประสบการณ์ที่น่าอัศจรรย์”

“สำหรับ คริสเตียโน่ เขาช่างเป็นนักเตะที่น่าเหลือเชื่อยังทนร้อนทนฝนมาถึงทุกวันนี้ วิริยะอุตสาหะมาตลอดเส้นทางอาชีพแล้วมันคงเป็นประสบการณ์สุดพิเศษเมื่อปะทะพี่เขา” 

‘แรช’ คือติ่งของ ‘ซีอาร์ 7’ สะสมรองเท้าสตั๊ด ไนกี้ แบบของสตาร์โปรตุกีสหรืออย่างตอนวันเกิดปีหนึ่งก็ปลื้มมากที่ศิษย์พี่ ‘ปีศาจแดง’ ส่งเกือกรุ่นพิเศษเป็นของขวัญ