ฟิลิป แอนส์ชูตซ์ มหาเศรษฐีวัย 81 ปี บรรลุข้อตกลงในการขายหุ้นส่วนน้อย 27 เปอร์เซ็นต์ของ แอลเอ เลเกอร์ส ให้ มาร์ค วอลเตอร์ และ ท็อดด์ โบห์ลี่ย์ เจ้าของ ลอส แอนเจลีส ด็อดเจอร์ส สปอร์ติโก้ โดยรอเพียงการอนุมัติจากคณะกรรมการของเอ็นบีเอเท่านั้น ตามรายงานจาก 'ลอส แอนเจลีส ไทม์ส' เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา 

แอนส์ชูตซ์ เป็นเจ้าของบริษัทหลากหลายอุตสาหกรรม รวมถึงพลังงาน, รถไฟ, อสังหาริมทรัพย์, กีฬา, หนังสือพิมพ์, ภาพยนตร์, โรงภาพยนตร์, สนามกีฬา, ดนตรี และยังเป็นผู้ก่อตนั้ง สเตเปิ้ล เซนเตอร์ ตกลงขายหุ้น 27 เปอร์เซ็นต์ของ เลเกอร์ส ให้เจ้าของร่วมของ ลอส แอนเจลีส ด็อดเจอร์ส สปอร์ติโก้ โดยไม่มีการเปิดเผยตัวเลขเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา แต่การขายดังกล่าวยังไม่ได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการของลีกเอ็นบีเอ 

ตามรายงานระบุว่า แอนส์ชูตซ์ เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 2 ของ เลเกอร์ส รองจากตระกูล บัสส์ ที่ถือหุ้นใหญ่สุด 66 เปอร์เซ็นต์ จากแฟรนไชส์ที่ถูกนิตยสาร 'ฟอร์บส์' ประเมินมูลค่าในปีนี้สูงถึง 4.6 พันล้านเหรียญสหรัฐ 

อย่างไรก็ตามแม้ผู้ก่อตั้ง สเตเปิ้ล เซนเตอร์ และบริษัทเอนเตอร์เทนเมนต์ยักษ์ใหญ่อย่าง เออีจี กำลังจะขายหุ้นของเขา แต่ ทิม แฮร์ริส ประธานฝ่ายปฏิบัติการของ เลเกอร์ส ยืนยันว่าจะไม่มีผลกระทบต่อสัญญาเช่า สเตเปิ้ล เซนเตอร์ ที่เพิ่งขยายเวลาไปจนถึงปี 2041

'จากการขยายสัญญาเช่า เราตั้งตารอทำธุรกิจกับ เออีจี อีก 20 ปี ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงมากนัก เราได้รับพันธมิตรมากขึ้น เราไม่ได้มองสิ่งนี้ว่า ฟิล กำลังจะไปที่ไหน' แฮร์ริส กล่าว

เลเกอร์ส กำลังจะเป็นผู้เช่า สเตเปิ้ล เซนเตอร์ เพียงแฟรนไชส์เดียว เนื่องจาก แอลเอ คลิปเปอร์ส กำลังจะย้ายไปสู่สังเวียนแห่งใหม่ในอิงเกิ้ลวู้ดในปี 2024