ที่ เอสตาดิโอ โรดรีโก้ ปาซ เดลกาโด้ กรุงกีโต้ ผ่านไปเพียง 6 นาที แซมบ้า บุกนำ 1-0 ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ ผ่านบอลมาให้ มาเธอุส คุนญ่า โขกติดเซฟ อเล็กซานเดร์ โดมิงเกซ ก่อนจะโดน กาเซมีโร่ ซ้ำไม่พลาด

เอกวาดอร์ เหลือ 10 คนในนาทีที่ 15 เมื่อทาง อเล็กซานเดร์ โดมิงเกซ ออกไปตัดฟาวล์ มาเธอุส คุนญ่า โดยผู้ตัดสินไปดูภาพช้าจาก วีเออาร์ ก่อนกลับมาแจกใบแดงผู้รักษาปะตูเจ้าบ้าน

จากนั้นในนาทีที่ 20 บราซิล เหลือ 10 คนเช่นกัน โดยเป็นทาง เอแมร์ซอน โรยาล ไปทำฟาวล์ ไมเคิล เอสตราดา เลยโดนเหลืองสองเป็นใบแดงไล่ออกจากเกม

นาทีที่ 26 ทีมเยือนหวิดเหลือ 9 ตัวในจังหวะออกไปตัดฟาวล์ของ อาลีสซง เบ็คเกอร์ ใส่ทาง เอ็นเนร์ วาเลนเซีย โดยทีแรกผู้ตัดสินแจกใบแดงก่อนจะกลับคำให้ใบเหลืองหลังจากไปดูวีเออาร์

เล่นไปถึงนาทีที่ 55 เอกวาดอร์ ได้จุดโทษ ราฟินญ่า ไปเตะ เปร์วิส เอสตูปินญาน ผู้ตัดสินเป่าทันที แต่มีสัญญา วีเออาร์ ลงมา ซึ่งทางกรรมการไปพิจารณาใหม่ก่อนกลับคำตัดสิน

อย่างไรก็ตาม เจ้าบ้านตีเสมอ 1-1 ในนาที 76 จากผลงาน กอนซาโล่ ปลาต้า ผ่านบอลจากลูกเตะมุมมาให้ เฟลิกซ์ ตอร์เรส โขกเสียบตาข่าย 

ช่วงทดเวลานาทีที่ 3 อาลีสซง ทำฟาวล์ อายร์ตอน เปรเซียโด้ ส่งผลให้โดนเหลืองสองเป็นใบแดงไล่ออกจากสนามและทีมมาเสียจุดโทษ แต่ วีเออาร์ มีส่วนอีกครั้งหลังจากผู้ตัดสินไปดูภาพช้าและไม่ให้จุดโทษเจ้าบ้านแถมใบแดงถูกริบคืนด้วย

จบเกมเสมอ 1-1 แบ่งไปทีมละแต้ม โดยทาง บราซิล ที่เข้ารอบไปแล้วยังคงนำจ่าฝูง ส่วน เอกวาดอร์ รั้งที่ 3 มี 24 คะแนนจาก 15 เกม