ราฮีม สเตอร์ลิง สวมบทฮีโร่ของ แมนฯซิตี้ หลังกดประตูชัยให้ทืมเรือใบเบียดชนะ บอร์นมัธ แบบหืดขึ้นคอด้วยสกอร์ 2-1 ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บนาที 97 ก่อนอดีตปีกลิเวอร์พูลจะถูกไล่ออกจากสนามจากการฉลองการทำประตูเกินกว่าเหตุ 

บอร์นมัธ ที่ถูกมองว่าเป็นรองหลายขุมทำให้ทีมเต็งแชมป์พรีเมียร์ลีกอย่าง แมนฯซิตี้ ต้องพบงานยากกว่าเดิมหลัง ชาร์ลี แดเนียลส์ ทำประตูให้เจ้าบ้านขึ้นนำก่อนตั้งแต่นาที 13 แม้ทีมเรือใบจะตามตีเสมอเร็วในอีก 8 นาทีต่อมาจาก กาเบรียล เชซุส ก็ตาม 

หลังจากนั้น แมนฯซิตี้ เป็นฝ่ายครองบอลและสร้างโอกาสทำประตูมากกว่าชัดเจน แต่จังหวะจบยังขาดความเฉียบคมจนกว่าทำนบกั้นน้ำของบอร์นมัธแตกในช่วงทดเวลาบาดเจ็บนาทีที่ 97 จากการยิงของสเตอร์ลิง ก่อนที่อดีตกองหน้าลิเวอร์พูลจะโชคร้ายถูกไล่ออกจากสนามหลังผู้ตัดสินแจกใบเหลืองที่สองให้ในข้อหาที่ดีใจเกินกว่าเหตุ 

แต่ถึงอย่างไรราฮีมยังเป็นฮีโร่ของสาวกซิตี้หลังเคยเป็นคนยิงประตูตีเสมอ เอฟเวอร์ตัน 1-1 ในศึกพรีเมียร์ลีกนัดมันเดย์ไนท์ ก่อนกดประตูชัยให้ทีมเรือใบบุกชนะบอร์นมัธแบบหืดจับ 2-1 

คะแนนความสามารถนักเตะทั้งสองทีม

บอร์นมัธ : อัสเมียร์ เบโกวิช (7), สตีฟ คุ้ก (6), เนธาน อาเก้ (5), ไทโรน มิงก์ส (7), อดัม สมิธ (6), แดน กอสลิ่ง (6), แอนดรูว์ เซอร์แมน (7), แฮร์รี่ อาร์เตอร์ (6), ชาร์ลี แดเนียลส์ (8), โจชัว คิง (7), เจอร์เมน เดโฟ (7)

สำรอง : เบนิค อโฟเบ้ (6) แทน เดโฟ (น.72), ลีส์ มุสเซ็ต (5) แทน อโฟเบ้ (น.90)

แมนฯซิตี้ : เอแดร์ซอน (6), ดานีโน่ (7), นิโกลัส โอตาเมนดี้ (6), แว็งซ็องต์ กอมปานี (6), เบนฌาแม็ง เมนดี้ (7), แฟร์นานดินโญ่ (7), ราฮีม สเตอร์ลิง (7), เควิน เดอ บรอยน์ (7), ดาบิด ซิลบา (8), แบร์นาร์โด้ ซิลวา (7), กาเบรียล เชซุส (7)

สำรอง : เซร์คิโอ อเกวโร่ กุน (6) แทน แบร์นาร์โด้ (น.66), ลีรอย ซาเน่ (5) แทน เชซุส (น.82), จอห์น สโตน (5) แทน ซิลบา (น.90)