ทีมชาติไทย เป็นแชมป์ฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์คัพ มากที่สุดด้วยจำนวน 15 สมัย และเป็นแชมป์ 2 สมัยติดต่อกัน ซึ่งการแข่งขันฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทาน คิงส์ คัพ ครั้งที่ 46 ทีม "ช้างศึก" จะได้ดวลแข้งกับทีมระดับโลกที่มีคะแนนฟีฟ่าแรงกิ้งสูงกว่าทีมชาติไทย อาทิ ทีมชาติสโลวาเกีย ทีมอันดับที่ 28 ของโลก, ทีมชาติสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ทีมอันดับที่ 78 ของโลก และทีมชาติกาบอง ทีมอันดับที่ 95 ของโลก 

โดย "จ่าเย็น" มงคล ทศไกร ปีกทีมชาติไทย กล่าวถึงการแข่งขันฟุตบอลคิงส์ คัพ ครั้งนี้ว่า "การแข่งขันฟุตบอลคิงส์คัพครั้งนี้ถือว่าเป็นการแข่งขันที่พิเศษ เพราะทีมชาติไทยของเราจะมีโอกาสเจอกับนักเตะระดับโลกที่เคยได้เห็นในทีวี ผมคิดว่าการแข่งขันครั้งนี้เป็นงานยากอยู่แล้ว ส่วนการเจอนักเตะที่เก่งๆ มันเป็นอะไรดีที่ต่อทีมชาติไทย และยังช่วยเรามีความฮึกเหิมทำผลงานที่ดีให้ทีมชาติไทยด้วยครับ"

"เป้าหมายครั้งนี้คือการป้องกันกันแชมป์ให้ได้เท่านั้นครับ ตัวผมเองจะทำผลงานอย่างเต็มที่ ผมเชื่อว่าน้องๆ ในทีมก็จะพยายามทำผลงานให้ดีที่สุด เพื่อทีมชาติและแฟนบอลไทยทุกคนครับ"

สำหรับการแข่งขันฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์คัพ ครั้งที่ 46 รอบแรกจะมีขึ้นวันที่ 22 มีนาคม 2561 คู่แรก ทีมชาติสโลวาเกีย พบกับ ทีมชาติสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เวลา 16.30 น. คู่ที่สอง ทีมชาติไทย พบกับ ทีมชาติกาบอง เวลา 19.30 น. ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน ทั้ง 2 คู่

ส่วนรอบชิงชนะเลิศจะมีขึ้นวันที่ 25 มีนาคม 2561 เวลา 19.30 น. ส่วนคู่ชิงอันดับ 3 แข่งขันเวลา 16.30 น. โดยเกมทุกนัดจะถ่ายทอดสดทางช่องไทยรัฐทีวี,ช่อง Youtube Thairath และ Facebook ThairathTV 

โดยแฟนบอลสามารถซื้อตั๋วชมการแข่งขันได้ที่ ไทย ทิคเก็ต เมเจอร์ ทุกสาขา มีให้เลือก 2 แบบ คือ แมตซ์เดย์ บัตร 1 วัน ชมได้ 2 คู่ ราคา 100, 200, 300, 400 และ 500 บาท ส่วนบัตร แพ็คเกจ สามารถเข้าชมการแข่งขันได้ 2 วัน 4 คู่การแข่งขัน ราคา 170, 340, 510, 680 และ 850 บาท