ไลป์ซิก ยังส่งตัวหลักลงหลายคนแม้มีเกมยูโรปา ลีก รอบก่อนรองฯ นัดสอง กับ โอลิมปิก มาร์กเซย รออยู่ในวันพฤหัสบดี โดย นาบี เกอิต้า และ ติโม แวร์เนอร์ นำทัพเช่นเคย ส่วนเลเวอร์คูเซ่นวาง เควิน โฟลลันด์ ล่าตาข่ายพร้อมมี เลออน ไบลี่ย์ คอยปั้นเกม

เริ่มเกมมานาทีที่ 17 เจ้าถิ่นเป็นฝ่ายได้ประตูนำก่อนจากการซัดของ มาร์เซล ซาบิตเซอร์ 

สถานการณ์ทีมเยือนเริ่มน่าห่วงเพราะอีก 2 นาทีถัดมา สเวน เบนเดอร์ แนวรับคนสำคัญมีอาการบาดเจ็บเล่นต่อไม่ไหว ต้องส่ง พานาจิโอติส เร็ตซอส ลงแทน

ท้ายครึ่งแรก เลเวอร์คูเซ่น ตามตีเสมอจนได้เมื่อตัดบอลได้ในเขตโทษตัวเองก่อนโต้กลับทันที ไบลี่ย์ พาบอลกระชากผ่านกลางสนามก่อนโยนเข้าเขตโทษฝั่งซ้ายให้ ไค ฮาแวร์ตซ์ ตะบันด้วยซ้ายระยะ 12 หลาแบบไม่ต้องจับ ส่งบอลเบียดโคนเสาเข้าไปสวยงาม และจบครึ่งแรกด้วยสกอร์นี้

ครึ่งหลัง เลเวอร์คูเซ่น เป็นฝ่ายพลิกนำในนาที 51 แบร์นด์ เลโน่ นายทวารเลเวอร์ฯ เปิดบอลยาวจากแดนตัวเอง ดาโย่ต์ อูปาเมกาโน่ โหม่งเคลียร์ไม่ดีจนโดน ยูเลี่ยน บรันด์ท ฉกได้ก่อนแตะเข้าเขตโทษแล้วซัดด้วยซ้ายไม่เหลือ

อีก 5 นาทีถัดมา สกอร์ไหลเป็น 3-1 สำหรับทีมเยือน ดาโย่ต์ อูปาเมกาโน่ คนเดิมโหม่งสกัดไม่ดีเข้าทางปืน พานาจิโอติส เร็ตซอส ได้อัดจ่อๆ ไม่เหลือ

เลเวอร์คูเซ่นเล่นได้เฉียบขาดกว่ามาก นาที 69 ก็มาได้อีกประตูจากความผิดพลาดในแนวรับเจ้าถิ่นที่โดนฉกบอลได้ก่อนเป็น ยูเลี่ยน บรันด์ท จ่ายจากฝั่งขวาหักข้อให้ เควิน โฟลันด์ วิ่งมาตะบันเต็มๆ ส่งบอลเสียบตาข่ายอย่างเด็ดขาด

ช่วงเวลาที่เหลือ อาร์เบ ไลป์ซิก ไม่สามารถทำประตูปลุกความหวังได้ทำให้จบเกมเป็น เลเวอร์คูเซ่น บุกชนะ 4-1 เก็บเพิ่มเป็น 48 คะแนนพร้อมแซงขึ้นไปอยู่ที่ 4 อันเป็นอันดับสุดท้ายที่ได้ตั๋วยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ส่วนไลป์ซิกหล่นมาอยู่ที่ 6 แทน