ฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 

รอบก่อนรองชนะเลิศ นัดสอง

วันอังคารที่ 10 เมษายน 2561

แมนฯ ซิตี้ (อังกฤษ) 1 - ลิเวอร์พูล (อังกฤษ)  2

(รวมผลสองนัด ลิเวอร์พูล เข้ารอบประตูรวม 5-1) 

สนาม : ซิตี้ ออฟ แมนเชสเตอร์ สเตเดี้ยม (เอติฮัด สเตเดี้ยม)

แมนฯ ซิตี้ กลับมาเล่นในบ้านตัวเองหลังแพ้ 0-3 ในนัดแรก เกมนี้จัดทัพบุกแหลกส่งตัวรุกลงเพียบทั้ง กาเบรียล เชซุส, ราฮีม สเตอร์ลิ่ง, ลีรอย ซาเน่, เควิน เดอ บรอยน์, แบร์นาร์โด้ ซิลวา และ ดาบิด ซิลวา และใช้กองหลังเพียง 3 คน ส่วนทีมเยือนลิเวอร์พูลได้ โม ซาลาห์ ผ่านความฟิตคืนตัวจริงด้วย ทว่าไร้ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ที่ติดโทษแบน 

เริ่มเกมมานาทีกว่า แมนฯ ซิตี้ ได้ประตูนำรวดเร็วเมื่อ เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ พลาดไปเลี้ยงบอลในแดนตัวเองแล้วถูก ราฮีม สเตอร์ลิ่ง เข้ามาบีบเร็วทำให้เสียหลักเตะส่งเดชไปเข้าทาง เควิน เดอ บรอยน์ ที่ทิ่มขึ้นหน้าให้ สเตอร์ลิ่ง หลุดเข้าเขตโทษด้านขวาก่อนแตะอีกทีถึง กาเบรียล เชซุส แปนิ่มๆ ไม่เหลือซาก 

นาที 14 เกือบมีเกตุการณ์ซ้ำรอยเกมพรีเมียร์ลีกที่สนามแห่งนี้ ซาดิโอ มาเน่ ล้มตัวสไลด์เข้าช้าไปที่ลำตัวของ นิโกลัส โอตาเมนดี้ ทำเอา เอแดร์ซอน ที่เคยหน้าแหกจากสตั๊ดของ มาเน่ ถึงกับเข้ามาเอาเรื่อง สุดท้าย มาเน่ กับ เอแดร์ซอน รับใบเหลืองไปทั้งคู่

รูปเกมเป็นซิตี้ที่พับสนามบุกแหลกอยู่ข้างเดียว จังหวะนี้ แบร์นาร์โด้ ซิลวา ได้บอลทางขวาแล้วตบกลับมาหน้าเขตโทษให้ เควิน เดอ บรอยน์ ยิงไม่ผ่านมือ ลอริส คาริอุส นาที 27

นาที 39 เป็นบอลโยนยาวเข้าเขตโทษด้านขวามาให้ แบร์นาร์โด้ เอาลงได้แล้วล็อกหนี แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน มายิงด้วยซ้ายติดไซด์ก้อยออกเสาสองไป

ทีมของเป๊ปน่าได้ลูกที่สองอย่างยิ่ง เป็น แบร์นาร์โด้ อีกแล้วที่ได้แต่งเข้าซ้ายยิงเต็มข้อลักษณะเดิม ลูกแฉลบหัว เดยัน ลอฟเรน ไปชนเสาอย่างน่าเสียดาย

เจ้าถิ่นส่งบอลกระทบตาข่ายได้อีกหนนาที 42 จากลูกเปิดเข้ามาทางซ้าย คาริอุส ออกมาชกบอลไม่ดี ลูกโดน มิลเนอร์ แล้วเด้งย้อนเข้าทาง ลีรอย ซาเน่ ยิงไม่เหลือ แต่ผู้ตัดสินเป่าเป็นล้ำหน้าของ ซาเน่ ไปก่อน เลยไม่ได้ประตู

นาที 45 ทีมเยือนได้ลุ้นบ้าง จากการโต้กลับขึ้นมา โม ซาลาห์ ได้บอลในเขตโทษด้านขวาแล้วจ่ายให้ อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-เชมเบอร์เลน แตะหนี เอแดร์ซอน ไปแล้วแต่ดันยิงข้ามคานน่าผิดหวัง หมดครึ่งแรกที่สกอร์แมนฯ ซิตี้นำ 1-0 พวกเขายังต้องการอีก 2 ประตูโดยที่ห้ามเสีย

ช่วงพักครึ่ง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เข้าไปต่อว่าการทำหน้าที่ของผู้ตัดสินทำให้โดนตะเพิดขึ้นบนอัฒจันทร์ ไม่ได้คุมทีมข้างสนามช่วงพักครึ่ง

ครึ่งหลังนาที 56 ลิเวอร์พูลตีเสมอ 1-1 เป็นจังหวะโต้ขึ้นมาทาง ซาลาห์ จิ้มต่อให้ มาเน่ เกี่ยวเข้าเขตโทษไปติดมือ เอแดร์ซอน ที่ออกมารวบได้เร็ว แต่ไม่สามารถรับบอลเข้ามือได้ และเป็น ซาลาห์ ปรี่เข้าถึงบอลก่อนชิพด้วยซ้ายส่งบอลลอยผ่าน โอตาเมนดี้ เข้าไปซุกก้นตาข่ายอย่างเยี่ยมยอด  

ทีมเรือใบสีฟ้ายังครองบอลบุก พร้อมทั้งส่ง เซร์คิโอ อเกวโร่ "กุน" ที่เพิ่งหายเจ็บลงมา และในนาที 70 บอลมาที่ เอเมริก ลาป๊อร์กต์ ยิงด้วยซ้ายหน้าเขตโทษแฉลบหัว ลอฟเรน หลุดเสาแรกนิดเดียว

นาที 77 หงส์แดงแซงนำ 2-1 เมื่อ คายล์ วอลเกอร์ พลาดเตะบอลไปติด โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ หอกบราซิเลี่ยนจึงลากเข้าเขตโทษด้านซ้ายไปแปด้วยขวาเสียบเสาสองนิ่มๆ หงส์แดงแทบการันตีการเข้ารอบ

อีก 5 นาทีถัดมา แมนฯ ซิตี้ ยิงเข้าแต่โดนเป่าล้ำหน้าอีกรอบจากจังหวะที่ ซาเน่ หลุดก่อนเปิดให้ กุนโดกัน แปโล่งๆ เข้าไป 

ช่วงเวลาที่เหลือ แมนฯ ซิตี้ ตื้อไปเลย และเหมือนถอดใจทำให้จบเกม ลิเวอร์พูล เป็นฝ่ายบุกย้ำแค้นเอาชนะ 2-1 และเข้ารอบประตูรวม 5-1

รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม

แมนฯ ซิตี้ : เอแดร์ซอน, คายล์ วอลเกอร์, นิโกลัส โอตาเมนดี้, เอเมริก ลาป๊อร์กต์, แฟร์นานดินโญ่, แบร์นาร์โด้ ซิลวา, เควิน เดอ บรอยน์, ดาบิด ซิลบา, ราฮีม สเตอร์ลิ่ง, กาเบรียล เชซุส, ลีรอย ซาเน่

สำรอง : เคลาดิโอ บราโว่, แว็งซ็องต์ ก็องปานี, อิลคาย กุนโดกัน, เซร์คิโอ อเกวโร่ "กุน", เฟเบียน เดลฟ์, โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้, ฟิล โฟเด้น

ลิเวอร์พูล : ลอริส คาริอุส, เทร็นท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, เฟอร์กิล ฟาน ไดค์, เดยัน ลอฟเรน, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน, อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-เชมเบอร์เลน, จอร์จินโย่ ไวจ์นัลดุม, เจมส์ มิลเนอร์, โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่, ซาดิโอ มาเน่

สำรอง : ซิมง มินโญเล่ต์, เนธาเนี่ยล คลายน์, รักนาร์ คลาวาน, อัลเบร์โต้ โมเรโน่, แดนนี่ อิงส์, โดมินิค โซลังกี้, เบ็น วู้ดเบิร์น

ผู้ตัดสิน : มาเตว ลาโอซ (สเปน)