:::     :::

TOYOTA Thai League Player Of The Week ประจำสัปดาห์ที่ 14

วันจันทร์ที่ 07 พฤษภาคม 2561
2,351
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
รู้ก่อนใคร ลึกกว่าใคร ข่าวบอลไทย ต้องที่ THSPORT

11 ผู้เล่นยอดเยี่ยม ศึกโตโยต้า ไทยลีก 2018 ประจำสัปดาห์ที่ 14

แผนการเล่น : 3-4-3

ประตู :  สินทวีชัย หทัยรัตนกุล (สุพรรณบุรี เอฟซี) 

ช่วยป้องกันครั้งแล้วครั้งเล่า ทั้งจากลูกยิงของคู่ต่อสู้และความผิดพลาดของแนวรับฝั่งเดียวกัน "ตี๋" ทำให้เพื่อนร่วมทีมไว้วางใจได้ต่อเนื่องมาหลายนัด และแสดงให้เห็นถึงความเป็นผู้นำตลอดทั้งเกม และเป็นอีกครั้งที่ช่วยพาทีม "ช้างศึกยุทธหัตถี" รักษาคลีนชีตพร้อมกับคว้า 3 คะแนนออกจากถิ่นของอุบล ฯ 

กองหลัง : เอเวอร์ตัน กอนซัลเวส (ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด)

โหม่งประตูจากลูกเตะมุมให้ทีมขึ้นนำก่อนลดความกดดันจากรูปเกมที่มีโอกาสออกได้ทุกหน้า นี่เป็นประตูที่ 3 แล้วที่ปราการเลือดแซมบ้าทำได้ในฤดูกาลนี้ อีกทั้งเกมรับก็สกัดกั้นจน มาร์เคล ซานโต๊ส ทำอะไรไม่เป็นชิ้นเป็นอัน ถือเป็นกองหลังที่มาตรฐานสูงและสม่ำเสมอที่สุดคนหนึ่งในไทยลีกฤดูกาลนี้

กองหลัง : อี วอน-ยัง (พัทยา ยูไนเต็ด) 

เหมาคนเดียว 2 ประตูจากการขึ้นมาเติมในจังหวะเตะมุม ลูกแรกเป็นการฮาล์ฟวอลเลย์เต็มตีน และอีกลูกเป็นการเบียดคู่แข่งขึ้นโหม่งด้วยความแข็งแกร่ง แถมยังเกือบทำแฮททริกได้ด้วยซ้ำ เกมรับก็ทำหน้าที่ได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ช่วยให้ "โลมาสีน้ำเงิน" คว้าชัยเหนือทีมแกร่งอย่าง สุโขทัย ขาดลอยและไม่เสียประตูได้สำเร็จ

กองหลัง : ศศลักษณ์ ไหประโคน (บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด)

ยิ่งเล่นยิ่งโดดเด่นจริงๆ แม้จะถนัดเท้าซ้าย แต่ถูกจับมาเล่นแบ็คขวาแล้วเวิร์คอย่างเหนือความคาดหมาย ปั่นป่วนเกมทางกราบเล่นเอาซะรุ่นพี่ตัวจริงทีมชาติไทยอย่าง พีรพัฒน์ โน๊ตชัยยา เสียผู้เสียคนไปเลยทีเดียว ประตูแรกก็เป็นคนครอสให้ ยู จุน-ซู โหม่ง ส่วนลูกที่สองก็เลี้ยงตัดในจนเรียกฟรีคิกหน้ากรอบเขตโทษก่อนที่ ดิโอโก จะซัดเต็มข้อเข้าไป ประตูสำหรับทีมชาติไทยชุดใหญ่อาจจะเปิดกว้่างให้เขาในตำแหน่งนี้ก็เป็นได้

กองกลาง : ภูมินทร์ แก้วตา (พัทยา ยูไนเต็ด) 

เอ่ยชื่อมาหลายคนอาจงงว่าหมอนี่ใคร แต่ถ้าได้ติดตามทีม "โลมาสีน้ำเงิน" มาตลอด จะทราบดีว่าปีกตัวจี๊ดวัย 22 ปีรายนี้คือดาวเด่นคนหนึ่งตั้งแต่สมัยเป็นนักเตะเยาวชนของเมืองทอง แต่เคยเจอปัญหาอาการบาดเจ็บหนักต้องผ่าตัดเอ็นหัวเข่ามาแล้ว เกมนี้ "เจ้าเม่น" ชาร์จทำประตูให้ทีมขึ้นนำ แถมยังมีโอกาสสอดขึ้นมาลุ้นทำประตูได้ตลอด ซึ่งน่าจะทำได้มากกว่า 1 ลูกด้วยซ้ำถ้าลูกโหม่งของเขาไม่ถูกปฏิเสธด้วยเสาประตู 

กองกลาง : เซร์คิโอ ซัวเรซ (การท่าเรือ เอฟซี) 

หลังจากหายเจ็บกลับมาก็ทำให้แผงกลางของ "สิงห์เจ้าท่า" ลงตัวขึ้นทันที นัดนี้บวกอีก 1 ประตูเป็นลูกที่ 7 ในฤดูกาล และ 1 แอสซิสต์ที่จ่ายทะลุช่องสุดสวยให้ ดราแกน บอสโควิช หลุดเข้าไปยิงเดี่ยวๆ มีส่วนร่วมกับเกมรุกโดยตลอด อาจพูดได้ว่าดาวเตะสแปนิชรายนี้คือผู้เล่นที่ การท่าเรือ แทบจะขาดไม่ได้ไปแล้ว 

กองกลาง : อ่อง ตู (โปลิศ เทโร) 

ยังไงก็ต้องเอามาติดจริงๆ สำหรับดาวเตะเจ้าของฉายา "เมสซี่พม่า" รายนี้ 8 ประตูเข้าไปแล้วที่แข้งหนุ่มวัย 21 ปีจากเมียนมา ทำได้ในไทยลีก ไม่มีนักเตะไทยคนไหนที่ยิงได้มากกว่าเขา นัดนี้มาสวมบทฮีโร่ซัดประตูชัยในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ นับเป็นครั้งที่ 3 แล้วที่เขาสร้างความแตกต่างและเปลี่ยนผลการ แข่งขันให้ โปลิศ เทโร เป็นฝ่ายคว้าชัยเหนือคู่แข่ง หลังจากเคยทำได้ในเกมกับ สุโขทัย และ อุบลฯ มาแล้วก่อนหน้านี้

กองกลาง : วันเฉลิม ยิ่งยง (พีที ประจวบ) 

เป็นนักเตะผู้ปิดทองหลังพระอย่างแท้จริง แม้อาจไม่มีชื่อขึ้นสกอร์บอร์ด แต่การคอนโทรลจังหวะในแดนกลางทำให้ "ต่อพิฆาต" คุมเกมได้เหนือกว่า แอร์ฟอร์ซ เซ็นทรัล โดยเฉพาะในครึ่งหลังที นอกจากนั้นยังมีส่วนร่วมถึง 2 ประตูทั้งลูกนำ 3-0 ที่เป็นคนเปิดลูกเตะมุมเข้ามากดดันจนได้ประตู รวมถึงแอสซิสต์ให้ โชนาตาน เฮส ยิงได้อีก 1 ลูก

กองหน้า : โชนาธาน เฮส (พีที ประจวบ) 

ฮอตจริงๆ สำหรับดาวยิงบราซิเลียนรายนี้ หลังซัดแฮททริคเป็นครั้งที่ 2 ในฤดูกาล ด้วยลีลาที่ยากจะรับมือเพราะมีทั้งความเร็วความคล่องตัวและไหวพริบในการยิงประตู 3ประตูในเกมนี้ทำให้เขายิงไปแล้วรวม 11 ลูกขึ้นไปรั้งรองดาวซัลโวไทยลีก จะว่าไปเกมนี้แฮททริคอาจจะน้อยไปด้วยซ้ำกับโอกาสที่เขาสร้างขึ้น ถ้าเน้นกว่านี้อีกสักนิด อาจจะทำได้ 5-6 ประตูไปแล้ว 

กองหน้า :  ดิเอโก หลุยส์ ซานโต (บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด)  

ดิเอโกคือผู้สร้างความแตกต่างให้กับแทบทุกเกมในไทยลีกให้ บุรีรัมย์ นัดนี้ไม่มีใครเลยในทีมคู่ปรับตลอดกาลอย่าง เมืองทอง ที่จะรับมือเขาได้ ไม่ว่าจะไปอยู่ตรงพื้นที่ไหนก็เหมือนลูกระเบิดที่พร้อมทำลายความมั่นใจของคู่ต่อสู้ นัดนี้ซัดคนเดียว 2 ประตู แถมยังเรียกฟรีคิกให้ กรกช วิริยะอุดมศิริ ซัดปิดกล่องพาทีมถล่ม "กิเลนผยอง" ขาดลอยที่สุดเท่าที่เคยพบกันมา

กองหน้า : ดราแกน บอสโกวิช (การท่าเรือ เอฟซี) 

หลังจากเป้าสะอาดมา 7 เกมติดต่อกัน รวมทั้งสิ้น 630 นาที แบกรับความกดดันจากดีกรีดาวซัลโว 38 ประตูในไทยลีกฤดูกาลที่แล้ว เกมนี้ "โบเล่" แสดงให้เห็นว่าวิญญาณเพชฌฆาตของเขายังไม่ได้สูญหายไป นัดนี้เรียกความมั่นใจคืนกลับมาด้วยการใช้เวลา 4 นาทีทำ 2 ประตูปิดกล่องให้ "สิงห์เจ้าท่า" บุกถล่ม นครราชสีมา คาถิ่น รวมทั้งหมดเป็น 5 ลูกแล้วในซีซั่นนี้ ไม่แน่เหมือนกันว่านี่อาจจะเป็นจุดเริ่มต้นให้ "โบเล่" กลับมาเป็นหัวหอกจอมถล่มประตูคนเดิมได้อีกครั้ง

โค้ช : โบซิดาร์ บันโดวิช (บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด) 

แท็กติกที่กุนซือชาวมอนเตเนโกรใช้เล่นงาน "กิเลนผยอง" ยุคเปลี่ยนถ่าย เห็นได้ชัดว่าเต็มไปด้วยรูปแบบการโจมตีที่หลากหลาย แทบทั้งทีมถ้าไม่นับนายทวารอย่าง ศิวรักษ์ มีโอกาสขึ้นมาลุ้นทำประตูทุกคน ในเกมที่เป็นศึกแห่งศักดิ์ศรี แถมต้องดวลกับ ราโดวาน ชูร์ชิช โค้ชเชื้อสายยูโกสลาเวียน ด้วยกัน ถือเป็นความท้าทายที่ไม่ง่ายเลย แต่ด้วยการฟอร์มทีมที่รักษาความยืดหยุ่นได้ดีทั้งที่มีเกมสำคัญในเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก รออยู่กลางสัปดาห์ "บอสโก้" พิสูจน์ให้เห็นอีกครั้งว่า "กึ๋น" ของเขาคือของจริง



ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})