:::     :::

TOYOTA Thai League Player Of The Week ประจำสัปดาห์ที่ 31

วันจันทร์ที่ 24 กันยายน 2561
5,197
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
รู้ก่อนใคร ลึกกว่าใคร ข่าวบอลไทย ต้องที่ THSPORT

11 ผู้เล่นยอดเยี่ยม ศึกโตโยต้า ไทยลีก 2018 ประจำสัปดาห์ที่ 31

แผนการเล่น : 3-4-3

ประตู : สินทวีชัย หทัยรัตนกุล (สุพรรณบุรี เอฟซี) 

โชว์ฟอร์มซูเปอร์เซฟได้หลายต่อหลายครั้ง จังหวะออกมาตัดบอลลูกครอสด้านข้างก็ไม่มีผิดพลาด ทำให้แนวรับของทีมอุ่นใจได้เสมอ และเก็บคลีนชีทได้สำเร็จด้วยความร่วมมือร่วมใจของแผงแนวรับ "ช้างศึกยุทธหัตถี" ที่ท็อปฟอร์มกันทุกคน

กองหลัง : กรกช วิริยะอุดมศิริ (บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด)

เล่นดีแบบนี้ต้องยกแคนดิเดตแบ็กซ้ายทีมชาติไทยให้ "เจ้ามิ้ง" ไปเลย นัดนี้ทั้งเรียกจุดโทษให้ทีมแต่น่าเสียดายที่ ดิโอโก้ ยิงไปติดเซฟ อย่างไรก็ตาม กรกช ก็มาทำประตูได้จากการซ้ำลูกยิงชนคานของ ออสวัลโด้ และถือเป็นประตูที่ 5 ของเจ้าตัวเข้าไปแล้วในฤดูกาลนี้ ซึ่งเรียกได้ว่ายิงเยอะกว่ากองหน้าด้วยซ้ำไป

กองหลัง : สุพรรณ ทองสงค์ (สุพรรณบุรี เอฟซี)

อีกหนึ่งนักเตะที่ชื่อเล่นว่า "เชน" ที่เข้ามาติดทีมยอดเยี่ยมพร้อมกัน สุพรรณ เล่นได้โดดเด่นมากๆ ในการรับบทเซนเตอร์ฮาล์ฟคู่กับ อันแดร์สัน ดอส ซานโต๊ส จนแทบเรียกได้ว่าเด่นกว่า อันแดร์สัน เสียอีก ไม่ว่าจะบอลโด่งหรือภาคพื้นดิน "เจ้าเชน" ก็ดักทางอ่านบอลได้หมด ไม่ว่าจะ ดราแกน บอสโควิช หรือ เซร์คิโอ ซัวเรส ก็ลากบอลผ่านเขาไปไม่ได้สักคน

กองหลัง : มีโชค มหาศรานุกูล (สุพรรณบุรี เอฟซี)

ถูกส่งลงมาเป็นตัวสำรองในช่วงครึ่งหลังในการบุกมาเยือน แพท สเตเดี้ยม ถิ่นเก่า และ "เจ้าเชน" ก็กลายเป็นจุดเปลี่ยนของเกมอย่างแท้จริง เมื่อจัดการจ่ายไป 2 แอสซิสต์ จากการเติมเกมริมเส้นฝั่งขวาและครอสให้ เคลตัน ซิลวา โฉบมาโหม่ง รวมถึงลูกที่สอง ที่จ่ายคัทแบ็กให้ ชนานันท์ ป้อมบุบผา พุ่งขึ้นมายิงเน้นๆ บริเวณจุดโทษ และถือเป็น 3 แต้มสำคัญอย่างยิ่งที่อาจช่วยให้ "ช้างศึกยุทธหัตถี" หนีตกชั้นได้สำเร็จ

กองกลาง : เกริกฤทธิ์ ทวีกาญจน์ (ชลบุรี เอฟซี) 

"เจ้าก้อง" เหมาซัดคนเดียว 2 ประตูทั้งลูก 1-0 จากฟรีคิกที่เฉียบคม รวมถึงประตูชัยที่ซ้ำลูกยิงของตัวเองเสียบสามเหลี่ยมแบบเต็มข้อ เอาชนะเหนือ อุบล ยูเอ็มที ถึงถิ่น 2-1 เพิ่มโอกาสในการอยู่รอดให้กับ "ฉลามชล" ได้อีกเฮือก

กองกลาง : จักรพันธ์ แก้วพรม (บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด)

คุมเกมแดนกลางให้ "ปราสาทสายฟ้า" ได้เนียนกริบเช่นเคยสำหรับ "เจ้าโน๊ต" ที่เปรียบเสมือนเป็นมันสมองของทีมในการผ่านบอลสั้นยาวช้าเร็ว นัดนี้โชว์การจ่ายบอลสุดเหนือชั้นในประตูที่ 2 ซึ่งส่งผลให้ บุรีรัมย์ คว้าแชมป์ไทยลีกไปครองเป็นสมัยที่ 6 รวมถึงเป็นแชมป์สมัยที่ 7 ของตัวเขาเองอีกด้วย 

กองกลาง : สันติภาพ ราษฎร์นิยม (ชัยนาท ฮอร์นบิล)

"เจ้าป๋อม" กองกลางร่างเล็กเล่นได้โดดเด่นสุดๆ ไปเลยในนัดนี้ ทั้งการช่วยเกมรับและเติมเกมรุกขึ้นไปสร้างสรรค์โอกาสให้ทั้งตัวเองและเพื่อนร่วมทีม ทั้งสองประตูที่ ชัยนาท ทำได้ เขามีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมด ทั้งประตูที่ยิงได้เองซึ่งมีที่มาจากความขยัน ก่อนที่จะแอสซิสต์ให้ ปริญญา อู่ตะเภา ทำประตูชัยในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ เป็น 3 แต้มสำคัญเพื่อการอยู่รอด

กองกลาง : จักรกฤษ ลาภตระกูล (บีจี เอฟซี)

เป็นอีกเกมที่ "เจ้าแจ็ค" เล่นได้อย่างน่าประทับใจ ในการขึ้นเกมทางริมเส้น ซึ่งถือว่ามีส่วนร่วมกับเกมอย่างต่อเนื่อง และทำประตูสุดสวยได้หนึ่งลูกจากจังหวะที่ได้บอลจาก อานนท์ อมรเลิศศักดิ์ และ จักรกฤษ ซัดด้วยขวาเสียบเสาสองอย่างเด็ดขาด

กองหน้า : ดาวิด บาลา (บีจี เอฟซี) 

ฟอร์มแรงต่อเนื่องจนได้รับโอกาสจาก "โค้ชจุ่น" ให้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงแล้วก็ไม่ทำให้ต้องผิดหวังเมื่อจัดไปคนเดียว 2 ประตูจากลูกโหม่งและจุดโทษที่เรียกได้เอง ถือเป็นอีกหนึ่งผู้เล่นคีย์แมนที่เข้ามาช่วย "กระต่ายแก้ว" ในภารกิจหนีตาย

กองหน้า : ลอนซาน่า ดุมบูย่า (พีที ประจวบ)   

ลงมาเป็นตัวสำรองในครึ่งหลัง แต่กลับจัดการยิงคนเดียว 2 ประตู ช่วยให้ทีมตามตีเสมอแบ่งแต้มจากถิ่น "สวาดแคท" ได้สำเร็จ พร้อมกับแสดงให้เห็นว่า เขาและ โชนาตาน เฮส ยังคงเป็นพาร์ทเนอร์ที่ดีต่อกัน เมื่อประตูีที่สองที่ ดุึมบูย่า โขกเข้าไปนั้นมาจากการครอสสวยๆ ของดาวเตะแซมบ้านั่นเอง

กองหน้า : เนลสัน โบนีญ่า (สุโขทัย เอฟซี)

เป็นทุกอย่างให้เธอแล้วจริงๆ สำหรับดาวยิงเอล ซัลวาดอร์ นัดนี้โชว์ทั้งลูกยิงมหัศจรรย์ที่จิ้มปลายสตั๊ดติดไซด์สวนทาง ไมเคิ่ล ฟาลเคสการ์ด ให้บอลกลิ้งเลี้ยวเข้าประตูแบบอึ้งกันไปทั้งสนาม รวมถึงซัดแฮททริคเป็นเกมที่สองติดต่อกันอีกด้วย จนไล่ตาม ดิโอโก้ หลุยส์ ซานโต ในตำแหน่งดาวซัลโวไทยลีก เหลืออีก 6 ประตูแล้ว

เฮดโค้ช : เฉลิมวุฒิ สง่าพล (สุโขทัย เอฟซี)

"โค้ชหนุ่ย" พาทีมลงสู้ในภารกิจหนีตายที่หลายคนมองว่าแทบไม่มีทางรอด เพราะต้องบุกไปเยือน "แข้งเทพ" ที่เกมรุกขึ้นชื่อว่าโหดมาก อาจจะถือเป็นโชคดีที่เจ้าถิ่นครองอันดับ 2 แน่นอนแล้ว ทำให้เกมรับจัดตัวแบบไม่ฟูลนัก แต่ "โค้ชหนุ่ย" ก็ไม่ได้คิดตั้งรับ จัดแผนเกมรุกสู้เต็มที่ในระบบ 4-3-3 แถมใส่มิดฟิลด์ตัวรุกอย่าง บวร ตาปลา และ คัพฟ้า บุึญมาตุ่น เข้าไปอีก ซึ่งถือว่าคุ้มค่ากับการใช้แผนนี้ เพราะ "ค้างคาวไฟ" เก็บ 3 แต้มสุดสำคัญได้สำเร็จ ด้วยสปิริตของผู้เล่นทั้งทีมที่วิ่งกันสุดชีวิตจนเหงื่อหยดสุดท้ายจริงๆ 


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด