โดยพลพรรคช้างศึก ต้องเป็นฝ่ายบุกมาเยือน มาเลเซีย ก่อน นอกจากเป็นการรีแมตซ์รอบชิงชนะเลิศ เมื่อปี 2014 แล้ว หลายคนยังกังวลว่า ทีมชาติไทย จะรับมือกับแรงกดดันได้ดีแค่ไหน เมื่อต้องเจอแฟนบอลเจ้าถิ่นที่สนามกีฬาแห่งชาติ บูกิต จาลิล เกือบหนึ่งแสนคน

“หลังจบรอบแรก ทุกคนก็มั่นใจขึ้นครับ นอกจากเราจะเข้ารอบในฐานะแชมป์กลุ่มแล้ว เรายังยิงได้ถึง 15 ประตู และเสียเพียง 3 ประตู ทำให้ตอนนี้ ทุกคนพร้อมมากๆ ทั้งสภาพร่างกายและจิตใจ” เฉลิมพงษ์ กล่าวเริ่ม 

นอกจากนี้กองหลังวัย 32 ปี ยังกล่าวต่อว่า “ส่วนตัว ผมอยากให้ทุกคนโฟกัสในเกมครับ มันเป็นเรื่องดีอยู่แล้ว ที่มีคนเข้ามาดูเยอะขนาดนี้ มันยิ่งทำให้เราต้องพิสูจน์ให้ มาเลเซีย เห็นว่า เราเป็นทีมที่ดีจริง ที่สำคัญ ถ้าเราชนะ มาเลเซีย เราก็จะเล่นง่ายขึ้นในเกมนัดที่สอง ดังนั้น มองให้เป็นเรื่องท้าทายดีกว่าครับ”

“ส่วนเป้าหมาย เราก็จะพยายามทำให้ดีที่สุดครับ เราต้องไม่แพ้กลับไป และต้องยิงประตูให้ได้อเวย์โกล ก็หวังว่า แฟนบอลจะเป็นกำลังใจให้เราเยอะๆ ครับ และในวันที่ 5 ผมก็หวังว่า แฟนบอลของเราจะเข้ามาในสนาม ไม่แพ้ บรรยากาศที่เรากำลังจะเจอครับ” เฉลิมพงษ์ ปิดท้าย

ทั้งนี้ ทีมชาติไทย มีสถิติโดยรวมที่ดียามพบกับ ทีมชาติมาเลเซีย ในศึกชิงแชมป์อาเซียน เมื่อ 13 นัดที่ผ่านมา ชนะ 7 เสมอ 3 และแพ้ 3 นัด แต่ ช้างศึก ไม่เคยบุกไปชนะ เสือเหลือง ที่สนามกีฬาแห่งชาติบูกิต จาลิล แม้แต่ครั้งเดียว เริ่มจาก ปี 2004 แพ้ 1-2 ในรอบแรก, ปี 2012 เสมอ 1-1 ในรอบรองชนะเลิศ นัดแรก และปี 2014 แพ้ 2-3 ในรอบชิงชนะเลิศ นัดที่สอง  

สำหรับ ทีมชาติไทย จะบุกไปเยือน ทีมชาติมาเลเซีย ในศึกชิงแชมป์อาเซียน 2018 รอบรองชนะเลิศ นัดแรก ที่สนามกีฬาแห่งชาติบูกิต จาลิล วันที่ 1 ธันวาคมนี้ เวลา 19.45 น. ตามเวลาประเทศไทย จากนั้นจะกลับมาเล่นในบ้าน นัดที่สอง วันที่ 5 ธันวาคม 2561 ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน เวลา 19.00 น. บัตรมีจำหน่ายแล้วที่ ไทยทิคเก็ตเมเจอร์ http://bit.ly/AFFTHA ถ่ายทอดสดทางช่อง 7 HD และ Bugaboo TV