หลังจากที่ ทีมชาติไทย เอาชนะ บาห์เรน 1-0 ในนัดที่ 2 ของรอบแบ่งกลุ่ม ทำให้มีการประเมินสถานการณ์ ถึงโอกาสที่ ช้างศึก จะผ่านเข้าสู่รอบน็อคเอาท์เป็นครั้งแรก นับตั้งแต่ปี 1972 ทางสมาคมฯ ก็มีความมุ่งหวัง ที่จะให้ข้อมูลมีการเผยแพร่ไปในทิศทางเดียวกัน และถูกต้องตามระเบียบการแข่งขัน

ซึ่งทางฝ่ายต่างประเทศของสมาคมฯ โดย พาทิศ ศุภะพงษ์ รองเลขาธิการ ที่เป็นแมตช์คอมมิชชันเนอร์ในรายการดังกล่าว ได้ทำการตรวจสอบกับเอเอฟซี และฝ่ายควบคุมการแข่งขันของทัวร์นาเมนต์ จนได้มีการจำลองผลการแข่งขันในนัดสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่ม เพื่อนำมาจัดอันดับตามสถานการณ์ต่างๆ

หากมี 2 ทีมที่คะแนนเท่ากัน จะพิจารณาจากเฮดทูเฮดก่อน หากเท่ากันอีกจะดูจากผลต่างประตูได้เสีย และประตูได้ตามลำดับ โดยสามารถนำมาประเมินสถานการณ์ได้ดังนี้

1. เมื่อไทยชนะ และบาห์เรนชนะ

ไทย จะเป็นอันดับ 1 ของกลุ่ม มี 6 คะแนน
บาห์เรน จะเป็นอันดับ 2 หรือ 3 ของกลุ่ม (ขึ้นอยู่กับผลต่างประตูได้เสีย) มี 4 คะแนน
ยูเออี จะเป็นอันดับ 2 หรือ 3 ของกลุ่ม (ขึ้นอยู่กับผลต่างประตูได้เสีย) มี 4 คะแนน
อินเดีย จะเป็นอันดับ 4 ของกลุ่ม มี 3 คะแนน

2. เมื่อไทยชนะ และ บาห์เรน กับ อินเดีย เสมอกัน

ไทย จะเป็นอันดับ 1 ของกลุ่ม มี 6 คะแนน
ยูเออี จะเป็นอันดับ 2 ของกลุ่ม มี 4 คะแนน
อินเดีย จะเป็นอันดับ 3 ของกลุ่ม มี 4 คะแนน เท่ากับ ยูเออี แต่เฮดทูเฮดเป็นรอง
บาห์เรน จะเป็นอันดับ 4 ของกลุ่ม มี 2 คะแนน

3. เมื่อไทยชนะ และอินเดียชนะ

อินเดีย จะเป็นอันดับ 1 ของกลุ่ม มี 6 คะแนน
ไทย จะเป็นอันดับ 2 ของกลุ่ม มี 6 คะแนน เท่ากับ อินเดีย แต่เฮดทูเฮดเป็นรอง
ยูเออี จะเป็นอันดับ 3 ของกลุ่ม มี 4 คะแนน
บาห์เรน จะเป็นอันดับ 4 ของกลุ่ม มี 1 คะแนน

4. เมื่อไทยเสมอ และบาห์เรนชนะ

ยูเออี จะเป็นอันดับ 1 ของกลุ่ม มี 5 คะแนน
ไทย จะเป็นอันดับ 2 ของกลุ่ม มี 4 คะแนน
บาห์เรน จะเป็นอันดับ 3 ของกลุ่ม มี 4 คะแนน เท่ากับ ไทย แต่เฮดทูเฮดเป็นรอง
อินเดีย จะเป็นอันดับ 4 ของกลุ่ม มี 3 คะแนน

5. เมื่อไทยเสมอ และ บาห์เรน กับ อินเดีย เสมอกัน

ยูเออี จะเป็นอันดับ 1 ของกลุ่ม มี 5 คะแนน
อินเดีย จะเป็นอันดับ 2 ของกลุ่ม มี 4 คะแนน
ไทย จะเป็นอันดับ 3 ของกลุ่ม มี 4 คะแนน เท่ากับ อินเดีย แต่เฮดทูเฮดเป็นรอง
บาห์เรน จะเป็นอันดับ 4 ของกลุ่ม มี 2 คะแนน

6. เมื่อไทยเสมอ และอินเดียชนะ

อินเดีย จะเป็นอันดับ 1 ของกลุ่ม มี 6 คะแนน
ยูเออี จะเป็นอันดับ 2 ของกลุ่ม มี 5 คะแนน
ไทย จะเป็นอันดับ 3 ของกลุ่ม มี 4 คะแนน
บาห์เรน จะเป็นอันดับ 4 ของกลุ่ม มี 1 คะแนน

7. เมื่อไทยแพ้ และบาห์เรนชนะ

ยูเออี จะเป็นอันดับ 1 ของกลุ่ม มี 7 คะแนน
บาห์เรน จะเป็นอันดับ 2 ของกลุ่ม มี 4 คะแนน
อินเดีย จะเป็นอันดับ 3 ของกลุ่ม มี 3 คะแนน
ไทย จะเป็นอันดับ 4 ของกลุ่ม มี 3 คะแนน เท่ากับ อินเดีย แต่เฮดทูเฮดเป็นรอง

8. เมื่อไทยแพ้ และ บาห์เรน กับ อินเดีย เสมอกัน

ยูเออี จะเป็นอันดับ 1 ของกลุ่ม มี 7 คะแนน
อินเดีย จะเป็นอันดับ 2 ของกลุ่ม มี 4 คะแนน
ไทย จะเป็นอันดับ 3 ของกลุ่ม มี 3 คะแนน
บาห์เรน จะเป็นอันดับ 4 ของกลุ่ม มี 2 คะแนน

9. เมื่อไทยแพ้ และอินเดียชนะ

ยูเออี จะเป็นอันดับ 1 ของกลุ่ม มี 7 คะแนน
อินเดีย จะเป็นอันดับ 2 ของกลุ่ม มี 6 คะแนน
ไทย จะเป็นอันดับ 3 ของกลุ่ม มี 3 คะแนน
บาห์เรน จะเป็นอันดับ 4 ของกลุ่ม มี 1 คะแนน

สำหรับเกณฑ์การเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายเอเชียน คัพ ทีมแชมป์และรองแชมป์กลุ่ม รวม 12 ทีมจะผ่านเข้าสู่รอบสุดท้ายโดยอัตโนมัติ ขณะที่ทีมอันดับ 3 ของทั้ง 6 กลุ่ม จะมีการนำผลงานมาเปรียบเทียบกัน เพื่อหา 4 ทีมที่มีผลงานดีที่สุด เข้าสู่รอบต่อไป

โดยในตอนนี้ ทีมชาติไทย รั้งอันดับ 3 ของกลุ่ม มี 3 คะแนนจาก 2 นัด เท่ากับอินเดีย แต่เฮดทูเฮดเป็นรอง ขณะที่จ่าฝูงของกลุ่มเป็น ยูเออีเจ้าภาพ มี 4 คะแนน ส่วนบาห์เรนอยู่อันดับ 4 มี 1 คะแนน

ซึ่งทางด้านของ พาทิศ ศุภะพงษ์ รองเลขาธิการฝ่ายต่างประเทศและรองโฆษกสมาคมฯ ได้กล่าวเสริมว่า “หลังจากที่มีการวิเคราะห์โอกาสการเข้ารอบของทีมชาติไทย ทั้งในส่วนของแฟนบอลและสื่อต่างๆ สมาคมฯ จึงต้องการสนับสนุนในส่วนของข้อมูล ที่เป็นทางการ จึงได้ทำการตรวจสอบกับฝ่ายจัดการแข่งขัน และเอเอฟซี เพื่อทำการจัดอันดับกลุ่ม เอ โดยการจำลองสถานการณ์ ตามระเบียบการแข่งขัน ให้ทุกฝ่ายมองเห็นเป็นภาพเดียวกัน และเข้าใจง่ายยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตามจำเป็นต้องติดตามผลของสายอื่นด้วย ในกรณีที่ไทยได้อันดับ 3 ของกลุ่ม เอ”

สำหรับฟุตบอลศึกเอเชียน คัพ 2019 รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม เอ นัดสุดท้าย ระหว่าง ทีมชาติไทย พบกับ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ จะแข่งขันวันที่ 14 มกราคม 2562 ที่สนาม ฮัสซา บิน ซายิด สเตเดียม, อัล ไอน์ เวลา 23.00 น. ตามเวลาประเทศไทย ถ่ายทอดสดทางช่อง 7 HD และ FOX Sports HD