แผนการเล่น : 3-4-3

ประตู : ดั่ง วาน ลัม (เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด) 

ชัยชนะเหนือ เชียงใหม่ เอฟซี เป็นการประเดิม 3 แต้มแรก ซึ่งผลการแข่งขันอาจจะไม่ได้จบแบบแฮปปี้เอ็นดิ้งเช่นนี้ เพราะก่อนที่ทีมจะยิงขึ้นนำนั้น ดั่ง วาน ลัม ช่วยป้องกันไม่ให้ "กิเลนผยอง" ต้องเสียประตูหลายต่อหลายครั้ง มีจังหวะเซฟสวยๆ ทั้งลูกยากและง่าย การออกมาตัดบอลก็ทำได้เยี่ยม หากโชว์ฟอร์มได้สม่ำเสมอแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ นายด่านทีมชาติเวียดนามอาจกลายเป็นจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญของ เมืองทอง ในฤดูกาลนี้ก็เป็นได้

กองหลัง : ศศลักษณ์ ไหประโคน  (บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด)

ได้รับเลือกให้เป็นแมนออฟเดอะแมตช์ในเกมที่ บุรีรัมย์ เปิดบ้านชนะ ประจวบ ไป 2-0 นัดนี้ถูกปรับตำแหน่งมายืนเป็นวิงแบ็กฝั่งซ้ายข้างถนัดของตัวเอง และก็ทำได้ดีทั้งเกมรุกและรับ โดยเฉพาะจังหวะเติมขึ้นไปช่วยเกมรุก มีโอกาสเลี้ยงจี้กดดันกองหลัง และครอสให้กองหน้าลุ้นทำประตูอยู่เรื่อยๆ ผลงานในเกมนี้ถือว่าน่าจะช่วยเรียกความมั่นใจของเจ้าตัวกลับมาได้เยอะทีเดียว

กองหลัง : เอเวอร์ตัน กอนซัลเวส (ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด)

รับมือกับความสูงใหญ่ของ ลอนซาน่า ดูมบูญ่า กองหน้าตราด เอฟซี ได้อย่างอยู่หมัดจนหัวหอกกินีแทบไม่มีโอกาสได้ง้างเท้ายิง รวมถึงมีส่วนร่วมในการบิวดิ้งเกมจากแนวรับขึ้นสู่ไลน์แดนบนอยู่บ่อยๆ แสดงความเป็นผู้นำและที่พึ่งให้เพื่อนร่วมทีมไว้วางใจในเกมรับได้ จนสามารถขึ้นไปเล่นเกมรุกที่ถนัดกันได้อย่างเต็มที่ ถือเป็นอีกเกมที่ยอดเยี่ยมสำหรับปราการหลังเลือดแซมบ้ารายนี้

กองหลัง : นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม (บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด)

กลับมายึดตัวจริงต่อเนื่องหลังหายบาดเจ็บ และนัดนี้ก็ถือว่าทำผลงานได้ดีทีเดียว โดยเฉพาะการประสานงานกับแดนกลางและขยับขึ้นโอเวอร์แล็ปไปเติมเกมรุกได้สวยๆ หลายครั้ง เกมรุกของ บุรีรัมย์ โจมตีด้วยบอลริมเส้นเป็นส่วนใหญ่ และทำได้ดีทั้งซ้ายและขวา แม้น่าเสียดายที่นัดนี้เจ้าตัวไม่ได้แอสซิสต์หรือยิงประตู แต่โดยภาพรวมก็ถือว่า "เจ้าต้น" น่าจะกลับมายึดตัวจริงของ "ปราสาทสายฟ้า" ได้แบบยาวๆ แล้ว

กองกลาง : สุกอาพอน วงเซียงคำ (ชัยนาท ฮอร์นบิล)

มิดฟิลด์หุ่นมะขามข้อเดียวจากเมืองลาว โชว์ฟอร์มโดดเด่นมากๆ ทั้งกระชากลากเลื้อย การผ่านบอล และรับเหมาเตะลูกนิ่งทั้งฟรีคิกและเตะมุม เกือบจะทำประตูจากลูกฟรีคิกได้แล้วด้วยซ้ำ ดูจากนัดนี้บทบาทในเกมรุกเด่นชัดมากว่าน่าจะก้าวขึ้นมาเป็นหัวใจหลักให้ทีม "นกใหญ่พิฆาต" ได้ในไม่ช้า ลูกตีเสมอ 1-1 ของทีมก็มาจากการเปิดลูกเตะมุมของเขาก่อนที่ บิลล์ จะโหม่งเข้าประตูตัวเอง และถือเป็นการฉลองวันเกิดครบรอบ 26 ปีของเจ้าตัวอีกด้วย

กองกลาง : คัพฟ้า บุญมาตุ่น (สุโขทัย เอฟซี)

"เจ้าฟ้า" ได้ลงสนามเป็นตัวจริงต่อเนื่องและไม่ทำให้สาวก "ค้างคาวไฟ" ต้องผิดหวัง นัดนี้ทำประตูให้ทีมขึ้นนำก่อนจากลูกยิงสุดสวย และคอยเชื่อมบอลจากแดนกลางสู่แดนหน้า เล่นได้เข้าขากับ จอห์น บาจโจ้ ได้เป็นอย่างดี น่าเสียดายที่ทีมยังรักษาคอนเซ็ปต์ก้าวทีละแต้ม ยังไม่สามารถคว้าชัยนัดแรกในฤดูกาลนี้ได้เสียที

กองกลาง : โก ซึล กี (การท่าเรือ เอฟซี) 

มิดฟิลด์แดนโสมเข้ามาช่วยสร้างสมดุลในแดนกลางให้ "สิงห์เจ้าท่า" ได้อย่างลงตัวมากๆ สังเกตได้ว่าจังหวะขึ้นเกมแต่ละครั้ง มักจะมีจุดเริ่มต้นมาจากการผ่านบอลของแข้งรายนี้ นัดนี้ทำไป 1 ประตูจากการตะบันหน้าหัวกระโหลกเขตโทษแบบสะใจกองเชียร์ 3 แต้มที่บุกมาเก็บได้ถึงถิ่น ชลบุรี ต้องยอมรับว่า โก ซึล กี มีส่วนช่วยปิดทองหลังพระอยู่มากทีเดียว

กองกลาง: อมาดู อ๊วตตาร่า (นครราชสีมา มาสด้า)

กระชากลากเลื้อยจี๊ดจ๊าดดีเหลือเกิน เกมรุกของ "สวาดแคท" หวือหวามากทั้งฝั่งซ้ายและขวา โดยเฉพาะ อมาดู ที่นัดนี้ท็อปฟอร์มสุดๆ ทำประตูยอดเยี่ยมประจำสัปดาห์ด้วยการกระชากเข้ากลางก่อนซัดด้วยซ้ายระยะกว่า 30 หลาบอลเสียบโคนเสาอย่างงดงาม และมีส่วนร่วมกับแทบทุกจังหวะในการสร้างเกมรุกของทีม

กองหน้า : เจย์ เอ็มมานูเอล โธมัส (พีทีที ระยอง) 

เรียกฟอร์มเก่งได้เสียทีสำหรับกองหน้าอิมพอร์ทจากแดนผู้ดี หลังจากก่อนหน้านี้ถูกแฟนบอล "พลังเพลิง" ร้องยี้อยู่พักใหญ่ เกมนี้ต้องยอมรับว่า "เจ็ท" คือผู้เล่นที่โดดเด่นที่สุด ณ มาบข่า ทั้งสองประตูที่ทีมทำได้เขาเกี่ยวข้องทั้งหมด ทั้งยิงเองและแอสซิสต์ให้ อภิวัฒน์ เพ็งประโคน นอกจากนั้นยังสร้างโอกาสได้อีกมากมาย แม้จะตัวใหญ่เป็นยักษ์ปักหลั่น แต่ไม่มีปัญหาเรื่องความเชื่องช้า ตรงกันข้ามนัดนี้แสดงให้เห็นว่าทักษะการกระชากลากเลื้อยไปกับบอลของเขานั้นก็สูงพอตัวเลยทีเดียว

กองหน้า : เลอันโดร อัสซัมเซา (นครราชสีมา มาสด้า)

อัสซ่ามีความนิ่งและเยือกเย็นในจังหวะจบสกอร์สูงมาก นัดนี้ทำไป 2 ประตู ช่วยให้ทีมบุกนำห่าง ราชบุรี ก่อนถึง 3-0 นอกจากหน้าที่ในการทำประตูแล้ว หัวหอกแซมบ้ายังคอยช่วยสร้างสมดุลในการเก็บบอลและประสานงานกับ อมาดู อ๊วตตาร่า และ อองรี แบร์กนา ดุมเบีย ได้อย่างลงตัวมากๆ 

กองหน้า : เฮแบร์ตี้ แฟร์นานเดซ (เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด)   

ยังคงเป็นที่พึ่งพาให้เหล่า "กิเลนผยอง" ได้เหมือนเดิมสำหรับ เฮแบร์ตี้ ในช่วงเวลาที่ทีมกำลังลำบากและกดดันกับการหาประตูแรกยังไม่เจอ เฮแบร์ตี้ จัดการผ่านบอลให้ ธีรศิลป์ เข้าแท็ปอินเป็นลูกนำ 1-0 ก่อนจะซัดจุดโทษปิดกล่องให้ทีมเก็บ 3 แต้มแรกของฤดูกาลได้สำเร็จ ซึ่งนี่น่าจะเป็นจุดเริ่มต้นในการเริ่มนับหนึ่งในการเรียกความมั่นใจกลับมาอีกครั้ง 

เฮดโค้ช : มิลอส โจซิช (นครราชสีมา มาสด้า)

เหนือความคาดหมายมากทีเดียว เมื่อ "สวาดแคท" สามารถบุกไปออกนำ ราชบุรี ได้ก่อนถึง 3-0 แท็กติกของกุนซือชาวเซอร์เบีย ที่ปกติมักจะเน้นความรัดกุม และแพ้ชนะใครไม่เกิน 1 ประตูนั้นสร้างความประหลาดใจให้เจ้าถิ่นไม่น้อย เมื่อหันมาบุกสู้ตั้งแต่เริ่มเกม และการวาง 3 ตัวรุกที่มีความเร็วความคล่องคอยโจมตีแผงหลัง "ราชันมังกร" ก็เห็นผลชัดเหลือเกิน นัดนี้แนวรับเจ้าถิ่นถูก อมาดู และ อองรี ฉีกกระชากเละเป็นโจ๊กในช่วงครึ่งแรก แม้เจ้าบ้านจะตั้งลำไล่กลับมาได้ 2 ลูกแต่ก็ไม่ทันการ ต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่า มิลอส เป็นกุนซือที่หากทีมขึ้นนำก่อนแล้ว โอกาสจะพลิกกลับมาแพ้นั้นเป็นไปได้น้อยมากจริงๆ