'ปีศาจแดง' ยุคมิสเตอร์ โชเซ่ เคยตามหลังพื้นที่ท็อป 4 ห่างถึง 11 คะแนน ทว่าพอได้ 'โอจีเอส' มารับเผือกร้อนกุ้วิกฤติทีมค่อยๆไต่อันดับจนตามหลังโควตาสุดท้ายสองแต้ม 

เหตุนี้เอง สมอลลิ่ง จึงไปเปิดปากบ่นเสียดายกับ 'ทอล์กสปอร์ต' ชี้ผู้บริหารไม่น่าเห็นกงจักรเป็นดอกบัว ทนช้ำกับ 'เดอะ สเปเชี่ยล วัน' จนถึงกลาง ธ.ค. 2018 

"ก่อนการมาถึงของ โอเล่ ตำแหน่งท็อป 4 ที่เราต้องการ ดูเลือนลาง ห่างไกลความจริง" แข้งเลือดผู้ดีเริ่มกล่าว 

"กระทั่งได้บอสมากุมบังเหียน เราก็มีกำลังใจจะเคี่ยวกรำงานหนักตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา ลดความห่างลงมาเรื่อยๆ - จนปัจจุบันการต่อสู้ของจริง ความกดดันของจริง กำลังเริ่มเปิดฉาก" 

" 2-3 เดือนหลังนี้ทีมเล่นสุดใจอย่างกับไม่มีอะไรต้องเสีย ส่งผลจนปีนขึ้นมากระชั้นบนตารางคะแนน ดังนั้นทีมจึงต้องรักษาระดับผลงานเอาไว้ เพื่อที่ว่าความทุ่มเทตลอดมาจะไม่สูญเปล่า" 

แข้งวัย 29 ปี ยังตำหนิ มูรินโญ่ ต่อเนื่องว่าไม่ได้เพิ่งเน่าหนอนซีซั่นปัจจุบัน แต่ทรงมาตั้งแต่ปีก่อน

"ไม่เพียงแต่ฤดูกาลนี้ แต่รวมถึงปีก่อนด้วย เราเหมือนหลงทิศหลงทาง ไม่มีใครเชื่อน้ำยา แมนฯ ยูไนเต็ด ว่าดีพอประสบความสำเร็จ" 

"แต่ทุกคนในองค์กรก็แสดงให้เห็นความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียว, จิตวิญญาณนักสู้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตั้งแต่ โอเล่ เข้ามาคุมทีม ส่วนตัวเชื่อว่าเราพร้อมรบกับโปรแกรมโค้งสุดท้ายช่วง 3-4 สัปดาห์ข้างหน้า เพื่อให้เห็นว่าครึ่งฤดูกาลหลังทีมประสบความสำเร็จ หาใช่ท่าดีทีเหลว หมดโปรโมชั่น" 

"วัดเฉพาะผลงานช่วงที่ โซลชา ทำงาน ยูไนเต็ด สมควรอยู่หัวตารางด้วยซ้ำ นี่คือคนที่เหมาะสมกับงาน พวกเราในทีมหลายคนต่างเชียร์ให้บอสได้รับแต่งตั้งทางการช่วงก่อนนี้" 

"ซึ่งเมื่อได้คุมฟูลไทม์แล้ว ลำดับต่อไปคือสู้ไปด้วยกัน ร่วมสร้างทีมตามแนวทางที่โค้ชอยากให้เป็น" 

แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่มีเกมลีกแข่งสัปดาห์นี้ โดยจะพักยาวจนถึง 10 เม.ย.ก็ต้องเล่นรายการ ยูฟ่า ชปล. รอบก่อนรองชนะเลิศ นัดแรก พบกระดูกชิ้นโต บาร์เซโลน่า