โดยเกมดังกล่าว “พลังเพลิง” ได้ 2 ประตูจากการเหมาของ อาเรียล โรดริเกซ ในนาทีที่ 45 และ 66 แต่ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ก็มาตามตีเสมอได้ 2 ครั้ง 2 คราจาก เฮแบร์ตี้ เฟอร์นันเดส จุดโทษนาที 65 และ มาริโอ ยูรอฟสกี้ นาทีที่ 81 ทำให้จบเกมด้วยการแบ่งกันไปทีมละ 1 คะแนน

“โค้ชโจ” กล่าวว่า “เสียดายที่ไม่สามารถเก็บ 3 คะแนนในเกมนี้ได้ แต่โดยรวมแล้วผมพอใจมากกับรูปแบบวิธีการเล่นของลูกทีม ทุกคนทำได้ตามแท็คติกและแผนการที่วางลงไป แม้มันจะยังมีข้อผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ ที่ต้องนำกลับไปปรับปรุงแก้ไข แต่ผมอยากเห็นนักเตะรักษามาตรฐานการเล่นแบบนี้ไปให้ได้ทุกนัดจนจบฤดูกาล”

“เกมนี้เราส่งนักเตะดาวรุ่งลงสนาม 3 คนคือ ชินวัฒน์ วงศ์ไชย กองหลัง , ถิรายุ บรรหาร กองกลาง และ สหรัฐ กันยะโรจน์ หน้าต่ำ ซึ่งต้องชมเชยทั้ง 3 คนที่สามารถทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม รับมือกับแรงกดดันในการลงเล่นเกมใหญ่ได้ดี และสามารถต่อกรกับดาวเตะดีกรีทีมชาติไทยของ “กิเลนผยอง” ได้ชนิดไม่เป็นรอง ผมเชื่อว่าประสบการณ์จากเกมใหญ่ๆ แบบนี้จะทำให้พวกเขาทั้ง 3 คนได้เรียนรู้กับอะไรหลายๆ อย่าง เพื่อพัฒนาฝีเท้าตัวเองก้าวขึ้นมาเป็นกำลังหลักของทีมได้ในอนาคต” เฮดโค้ช “พลังเพลิง” กล่าวทิ้งท้าย

สำหรับ พีทีที ระยอง มีโปรแกรมลงสนามนัดต่อไป ในศึกช้าง เอฟเอ คัพ 2019 รอบ 64 ทีมสุดท้าย โดยจะบุกไปเยือน “ปราสาทสายฟ้า” บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ในวันพุธที่ 1 พ.ค.2562 ที่สนามช้าง อารีน่า เวลา 18.00 น.