- แชมเปี้ยนส์ลีกนัดชิงปี 2019 นี้จะเป็นเพียงหน 3 ที่ประวัติศาสตร์รอบชิงชนะเลิศฟุตบอลยุโรปเป็นเกมพบกันของสโมสรจากอังกฤษ หลังจากเคยเกิดขึ้นในยูฟ่า คัพ ปี 1972 (สเปอร์ส v วูล์ฟส์) และแชมเปี้ยนส์ลีก ปี 2008 (แมนฯ ยูไนเต็ด v เชลซี)

    - สเปอร์ส เป็นเพียงทีมที่ 2 ในประวัติศาสตร์แชมเปี้ยนส์ลีกที่แพ้คาบ้านนัดแรกในรอบตัดเชือกแล้วผ่านเข้ารอบชิงได้ โดยก่อนหน้านี้คือ อาแจ็กซ์ ในปี 1995-96 ที่เจอ พานาธิไนกอส

    - มัทไธส์ เดอ ลิกท์ กองหลังกัปตันทีม อาแจ็กซ์ กลายเป็นแข้งทีนเอจ (13-19 ปี) คนที่ 4 ที่ทำประตูในแชมเปี้ยนส์ลีกรอบตัดเชือก หลังก่อนหน้านี้มี นอร์ดิน วูเตอร์ (1995/อาแจ็กซ์), โอบาเฟมี่ มาร์ตินส์ (2003/อินเตอร์) และ คีลิยัน เอ็มบั๊ปเป้ (2017/โมนาโก)

    - สเปอร์ส เป็นสโมสรที่ 8 จากอังกฤษที่จะได้มีส่วนร่วมในยูโรเปี้ยน คัพ หรือแชมเปี้ยนส์ลีก นัดชิงชนะเลิศ หลังจากก่อนหน้านี้มี อาร์เซน่อล, แอสตัน วิลล่า, เชลซี, ลีดส์ ยูไนเต็ด, ลิเวอร์พูล, แมนฯ ยูไนเต็ด และ ฟอเรสต์ ซึ่งถือว่าเยอะกว่าชาติอื่นๆ

    - สโมสรจากอังกฤษมีสถิติพลิกสถานการณ์จากมีสกอร์ตามหลัง 2 ลูกหรือมากกว่านั้นกลับมาเอาชนะได้ถึง 7 ครั้งในประวัติศาสตร์แชมเปี้ยนส์ลีก ซึ่งมากกว่าชาติอื่นๆ ขณะที่ 4 จาก 5 ครั้งหลังสุดที่เกตุกรณีดังกล่าวขึ้นก็มาจากสโมสรเมืองผู้ดีที่แหละ

    - สเปอร์ส กลายเป็นทีมแรกที่มีสกอร์ตามหลัง 2 ลูกแล้วกลับมาเอาชนะได้ในแชมเปี้ยนส์ลีก รอบตัดเชือก ตั้งแต่ที่ แมนฯ ยูไนเต็ด เคยทำได้ในปี 1999 นัดเจอ ยูเวนตุส