แผนการเล่น : 4-4-2

ประตู : ธีรัตม์ นาคชำนาญ (ชัยนาท ฮอร์นบิล) 

"เดอะกี้" โชว์ฟอร์มเซฟเป็นพระเอกอีกครั้งในการพบกับ บุรีรัมย์ ซึ่งเหมือนกับว่า "นกใหญ่พิฆาต" เป็นของแสลงของ "ปราสาทสายฟ้า" ไปเสียแล้ว ที่สำคัญยังช่วยเซฟลูกจุดโทษของ เปโดร จูเนียร์ ในช่วงท้ายเกมได้อีกด้วย จนทีมสามารถยัดเยียดความปราชัยนัดแรกในฤดูกาลนี้ให้กับ บุรีรัมย์ ได้สำเร็จ

กองหลัง : ฟิลิป โรลเลอร์ (ราชบุรี มิตรผล)

วิงแบ็คลูกครึ่งไทย-เยอรมัน มีบทบาทกับทีมทั้งรุกและรับ ขึ้นสุดลงสุดและยังคอยกระุตุ้นเพื่อนร่วมทีมในฐานะกัปตัน โหม่งประตูให้ทีมขึ้นนำ 2-0 และยังแอสซิสต์อย่างเหนือชั้นให้ สตีเว่น ล็องจิล ยิงประตูปิดกล่องอีกด้วย 

กองหลัง : สุทธินันท์ พุกหอม (พีทีที ระยอง)

พาตัวเองไปอยู่ในจุดที่ "พลังเพลิง" สุ่มเสี่ยงจะเสียประตูให้ ชลบุรี หลายต่อหลายครั้ง และคอยสกัดกั้นทั้งลูกกลางอากาศและภาคพื้นดินได้ตลอด บางจังหวะอาจจะทำให้แฟนบอลเจ้าถิ่นหวาดเสียวบ้าง แต่ก็เอาตัวรอดไม่ให้ทีมเสียประตูได้ตลอด และ 3 แต้มในเกมนี้ก็ต้องยกเครดิตให้แนวรับของเจ้าถิ่นด้วยโดยเฉพาะ "เอ็ม" ที่ยืนหยัดอย่างเหนียวแน่นตลอดทั้งเกม

กองหลัง : เอเวอร์ตัน กอนซัลเวส (ทรูแบงค็อก ยูไนเต็ด)

ดวลกับหัวหอกของ "กว่างโซ้ง" อย่าง บิลล์ และ วิลเลี่ยม เฮนริเก้ ได้เป็นอย่างดี และยังมีโอกาสขึ้นมาลุ้นประตูจากลูกตั้งเตะอยู่บ่อยครั้ง จนกระทั่งมาโหม่งให้ทีมขึ้นนำ 2-0 ได้สำเร็จ วันไหนหาก เอเวอร์ัตัน ท็อปฟอร์มก็ยากเหลือเกินที่กองหน้าคู่แข่งจะผ่านเขาไปยิงประตูได้ง่ายๆ 

กองหลัง : จิรวัฒน์ ทองแสงพราว (ราชบุรี มิตรผล)

"เจ้าโจ" แบ็คซ้ายดาวรุ่งที่ ราชบุรี กำลังปลุกปั้น ไม่ทำให้แฟนๆ ต้องผิดหวังด้วยผลงานที่ยอดเยี่ยมสุดๆ ในเกมนี้ ทั้งครอสบอลอย่างแม่นยำเป็นการแอสซิสต์ให้ ยานนิค โบลี่ โหม่งประตูให้ทีมขึ้นนำ 1-0 และยังมีจังหวะช่วยเคลียร์บอลออกจากเส้นช่วยไม่ให้ทีมเสียประตู โดดเด่นทั้งเกมรุกและรับทางริมเส้นฝั่งซ้าย น่าแปลกใจเหลือเกินว่าเล่นดีขนาดนี้ เหตุใดทีมชาติไทยชุดยู22 ถึงยังมองข้ามเขาไป

กองกลาง: สุมัญญา ปุริสาย (การท่าเรือ เอฟซี)

ปั่นป่วนแนวรับของ เชียงใหม่ ได้ตลอด ด้วยความสามารถเฉพาะตัวที่ 1v1 สามารถผ่านไปได้ตลอด รวมถึงการประสานงานกับเพื่อนร่วมทีมด้วยสปีดบอลที่แม่นยำ นัดนี้ยิงไป 1 ประตูจากจังหวะซ้ำจ่อๆ และยังน่าจะทำได้มากกว่านี้ด้วยซ้ำหากไม่ถูก นนท์ ม่วงงาม ประตูเชียงใหม่ ตามเซฟเอาไว้ได้หลายครั้ง

กองกลาง : สหรัฐ กันยะโรจน์ (พีทีที ระยอง) 

"เมสซี่ฟาร์ม" โดดเด่นที่สุดในทีม "พลังเพลิง" ทั้งจังหวะกระชากลากเลื้อยกินตัว, จ่ายบอลสวยๆ รวมถึงการพยายามจบสกอร์ในหลายๆ ครั้ง จนประสบผลสำเร็จด้วยการเป็นคนยิงประตูชัยช่วงท้ายเกมเหนือ ชลบุรี ไปได้หวุดหวิด 1-0

กองกลาง : ธีระพล เยาะเย้ย (สมุทรปราการ ซิตี้)

"เอี้ยง" เหมายยิงคนเดียว 2 ประตูในเกมที่นักเตะ "เขี้ยวสมุทร" เปิดบ้านเอาชนะ นครราชสีมา ไปได้อย่างงดงาม 2-0 เครื่องหมายการค้าของมิดฟิลด์รายนี้คือความขยันทุ่มเท และเคลื่อนที่ตลอดเวลา พาตัวเองไปอยู่ในจุดที่ลุ้นทำประูตูได้บ่อยครั้ง และตอนนี้เขายิงไปแล้วถึง 3 ประตูในไทยลีก 

กองกลาง : สตีเว่น ล็องจิล (ราชบุรี มิตรผล)

จี๊ดจ๊าดเหมือนเคยสำหรับปีกทีมชาติมาร์ตินิก เรียกได้ว่าหากกองหลังคู่แข่งต้องเผชิญหน้าแบบตัวต่อตัว แทบไม่มีใครสามารถหยุดเขาได้ เกมนี้ป่วนแนวรับริมเส้นทั้งซ้ายและขวาของ สุพรรณบุรี จนเสียกระบวนไปหมด และยังมายิงประตูปิดกล่องอย่างเหนือชั้นให้ทีมเก็บ 3 แต้มไปอย่างขาดลอย

กองหน้า : ดราแกน บอสโควิช (การท่าเรือ เอฟซี) 

ดาวเตะเซิร์บคือผู้้เล่นที่ฟอร์มหรูที่สุดในไทยลีกนัดที่ 13 เพราะมีส่วนร่วมกับทุกจังหวะในเกมรุก ลูกแรกเป็นคนเรียกจุดโทษก่อนจะสังหารเองอย่างเยือกเย็น และยังสร้างโอกาสให้ทั้งตัวเองและเพื่อนร่วมทีมได้อีกเรื่อยๆ ก่อนจะรอจังหวะและจ่ายถวายพานให้ ศิวกรณ์ จักขุประสาท แท็ปอินเข้าไปง่ายๆ ในลูกขึ้นนำ 3-0

กองหน้า : ลอนซาน่า ดูมบูญ่า (ตราด เอฟซี)   

ลูกกลางอากาศของอดีตหัวหอกทีมชาติกินีหาตัวจับยากจริงๆ ในการกลับมาเยือนถิ่นเก่าก็ยังคงมาตรฐานเดิม ทั้งสร้างโอกาสให้เพื่อนร่วมทีมลุ้นประตู รวมถึงทำประตูสำคัญในช่วงท้ายครึ่งแรกให้ทีมพลิกแซงขึ้นนำ 2-1 และเกือบจะโหม่งประตูที่ 2 ได้ด้วยแต่ ขวัญชัย สุขล้อม ป้องกันไว้ได้อย่างไม่น่าเชื่อ

เฮดโค้ช : พยงค์ ขุนเณร (ตราด เอฟซี)

ผลงานไม่แพ้ใครในไทยลีก 7 เกมติดต่อกัน พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าไม่ใช่เรื่องโชคช่วย อ.พยงค์ ทำทีมได้เนียนตาสุดๆ จริงๆ โดยเฉพาะเกมรุกที่มีแข้งต่างชาติ 3D ป่วนแนวรับคู่แข่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ การพาทีมบุกมาชนะ พีที ประจวบ ถึงสามอ่าว สเตเดี้ยม นี่คือทีมแรกที่ทำได้ในฤดูกาลนี้ ด้วยแท็กติกและการเลือกใช้ผู้เล่น รวมถึงการแก้เกมที่เห็นผล ต้องยอมรับว่า อ.พยงค์ คือกุนซือยอดฝีมืออีกคนในไทยลีกฤดูกาลนี้