แผนการเล่น : 4-5-1

ประตู : พีระพงษ์ เรือนนินทร์ (พีทีที ระยอง) 

"เอิร์น" พิสูจน์ให้เห็นอีกครั้งว่าเป็นของจริง ในการคว้าชัย 4 นัดรวด หากไม่ได้ฟอร์มซูเปอร์เซฟของเขาในหลาย ๆ เกม คงจะมาไม่ได้ไกลถึงขนาดนี้ นัดล่าสุดที่เจอกับ การท่าเรือ ก็ยังคงฟอร์มเหนียวหนึบสม่ำเสมอ บอกได้เลยว่าหากจัดอันดับผู้รักษาประตูที่เป็นชาวไทยในไทยลีกฤดูกาลนี้นี้ นายด่าน "พลังเพลิง" ต้องติดท็อป 3 ที่ผลงานยอดเยี่ยมอย่างแน่นอน

กองหลัง : บรูโน่ กัลโล่ (เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด)

ถูกปรับตำแหน่งมาเล่นแบ็คซ้ายซึ่งอาจไม่มีใครคาดคิดมาก่อน แต่ดาวเตะสารพัดประโยชน์ชาวบราซิเลียนกลับโดดเด่นยิ่งขึ้นไปอีกทั้งเกมรุกและรับ จัดการ วิลเลียม เฮนริเก้ ซะเลี้ยงยังไงก็ไม่ผ่าน แถมยังมี 1 แอสซิสต์ ให้แดร์เล่ย์ ทำประตูชัยให้ "กิเลนผยอง" ได้อีกด้วย 

กองหลัง : เอเวอร์ตัน กอนซัลเวส (แบงค็อก ยูไนเต็ด)

โชว์ฟอร์มได้โดดเด่นมากๆ ทั้งจ๊อบหลักในการป้องกันหลังบ้าน อีกทั้งยังขึ้นมาทำประตูตีเสมอให้ทีมได้อีกด้วย ฟอร์มแบบนี้ยังแปลกใจว่าทำไมไม่ได้รับเลือกให้เป็นแมนออฟเดอะแมตช์เพราะเด่นที่สุดในสนามของเกมวันนั้นเลยด้วยซ้ำ

กองหลัง : วิคเตอร์ คาร์โดโซ่ (พีทีที ระยอง)

ปราการหลังเลือดแซมบ้าเก็บกินลูกกลางอากาศแบบ 100% เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ทุกจังหวะ เกมรับปิดโอกาสแทบไม่ให้กองหน้า "สิงห์เจ้าท่า" ได้ลุ้นประตู เกมหลังบ้านของ "พลังเพลิง" เล่นได้เนียนตาทุกรายละเอียด เป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้เก็บชัยชนะ 4 เกมติดต่อกันได้สำเร็จ

กองหลัง : เจริญศักดิ์ วงศ์กร (สมุทรปราการ ซิตี้)

"เท่" เติมเกมรุกริมเส้นได้มันส์สุดๆ เป็นคนแอสซิสต์ประตูให้ "เขี้ยวสมุทร" บุกขึ้นนำ "ค้างคาวไฟ" เกมฝั่งขวาของ สมุทรปราการ ไหลลื่นดีเหลือเกิน ดูแล้วเป็นธรรมชาติมาก ๆ ทั้งการกระชากลากเลื้อยที่เร็วจี๊ดดีเหลือเกิน จนอยากจะลองจัดแข่งวิ่ง 100 เมตรของนักเตะในไทยลีกดู เชื่อว่า "เท่" มีโอกาสเร็วเป็นอันดับต้นๆ เลยด้วยซ้ำ 

กองกลาง : พัชรพล อินทนี (เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด)   

เป็นอีกเกมที่ "พีม" ถูกดันขึ้นไปเป็นกองกลางตัวรับ ซึ่งนัดนี้เขาทำผลงานได้โดดเด่นมาก ๆ ทั้งการตัดบอล และดีเลย์จังหวะเกมรุกของคู่แข่ง ด้วยรูปร่างที่ไม่สูงใหญ่แต่ทางบอลไม่ธรรมดามีความนิ่งเกินวัยเพียง 20 ปี นี่อาจจะเป็นตำแหน่งที่เขาควรเอาดีได้มากที่สุด และที่สำคัญเกมนี้ อากิระ นิชิโนะ มานั่งชมเกมอยู่ด้วย เชื่อได้เลยว่าทีมชุดซีเกมส์และโอลิมปิกจะต้องมีเขาอยู่ในลิสต์แน่นอน

กองกลาง : พรปรีชา จารุนัย (พีทีที ระยอง)

แมนออฟเดอะแมตช์ตัวจริงในเกมที่มาบข่า "เอส" ถูกกล่าวถึงอย่างมากในการประสานงานร่วมกับ สหรัฐ กันยะโรจน์ และเกมที่พิชิตชัยเหนือ การท่าเรือ นัดนี้ "เมสซี่ปากน้ำ" ยิ่งโดดเด่นมากขึ้นไปอีก ทั้งการครอบครองบอล, พาสบอล และคุมจังหวะเกมแดนกลาง ไม่แน่เหมือนกันว่าหากสตาฟฟ์โค้ชทีมชาติมาเห็นฟอร์มแบบนี้อาจจะเข้าตาก็เป็นได้

กองกลาง : สตีเว่น ล็องจิล (ราชบุรี มิตรผล)

โดดเด่นในทุก ๆ เกมที่เล่นให้กับ "ราชันมังกร" เกมนี้มีส่วนร่วมทุกพื้นที่ในการเข้าทำ ทั้งยิงและจ่าย ดูแล้วมีความกลมกล่อมลงตัวมากขึ้นในเลกสองเมื่อได้ประสานงานกับผู้เล่นใหม่อย่าง การาบูเอ้, จักรพันธ์ และ ปาตินโญ่ ยังสมควรติดทีมยอดเยี่ยมต่อไปอีกสัปดาห์

กองกลาง : ธีระพล เยาะเย้ย (สมุทรปราการ ซิตี้) 

ขึ้นมานำเป็นดาวซัลโวของนักเตะไทยหลังยิงประตูที่ 6 และ 7 ในเกมบุกชนะ "ค้างคาวไฟ" ถึงถิ่นทะเลหลวง "เอี้ยง" ยิ่งเล่นยิ่งพัฒนา ด้วยความขยันและมีวินัยตามแท็กติกที่ได้รับมอบหมาย โดยเฉพาะฤดูกาลนี้ที่ถูกค้นพบว่าเขาไม่ใช่มิดฟิลด์ตัวรับอย่างที่เคยเล่นให้ต้นสังกัดก่อนหน้า แต่เขาคือผู้เล่นกองกลางสไตล์ เฟเดอริก ลุงเบิร์ก ที่สามารถสอดเข้าไปทำประตูได้ทุกเมื่อด้วยการยืนตำแหน่งที่ยอดเยี่ยม

กองกลาง : ฟิลิป โรลเลอร์ (ราชบุรี มิตรผล)

เติมเกมรุกริมเส้นได้มันส์มากๆ จนรู้สึกว่าถ้าปล่อยให้ ฟิลิป เล่นเกมรุกเต็มรูปแบบไปเลยจะน่ากลัวขนาดไหน เกมนี้มีบทบาทอย่างมากกับแทบทุกประตูที่ "ราชันมังกร" ทำได้ รวมถึงยิงเองไป 1 ประตูจากจังหวะหลุดเข้าไปยกบอลข้ามตัวโกลอย่างเหนือชั้น

กองหน้า : ลอนซาน่า ดูมบูญ่า (ตราด เอฟซี)

มีโอกาสทำประตูหลายครั้งและน่าจะยิงได้มากกว่า 1 ประตูด้วยซ้ำหากไม่ถูกธงล้ำหน้าและ แซมมวล ป. คันนิงแฮม นายด่านของ "สวาดแคท" ปฏิเสธ แต่ก็ต้องยอมรับว่าสัปดาห์นี้อดีตหัวหอกทีมชาติกินีคือกองหน้าที่โดดเด่นที่สุดเมื่อเทียบกับสนามอื่นๆ การทำประตูในเกมนี้ทำให้ยอดรวมเพิ่มขึ้นไป 14 ประตูนำดาวซัลโวร่วมกับ เนลสัน โบนีญ่า พร้อมกับช่วยให้ "ช้างขาวเจ้าเกาะ" กลับมาเก็บชัยชนะได้อีกครั้งในรอบ 5 นัด

เฮดโค้ช : ธีรศักดิ์ โพธิ์อ้น (พีทีที ระยอง)

เป็นอีกเกมที่ยอดเยี่ยมสำหรับ "โค้ชโจ" ในการวางแผนปิดเกมรุกของ "สิงห์เจ้าท่า" บวกกับผลงานสุดยอดของเหล่านักเตะที่กำลังมั่นใจตั้งแต่ผู้รักษาประตูยันกองหน้า ตอนนี้ทีม 11 ตัวจริงของ "พลังเพลิง" กำลังท็อปฟอร์มทุกคนทำให้แท็กติกที่ "โค้ชโจ" กำหนดไว้ถูกปฏิบัติตามได้แทบจะสมบูรณ์แบบ การคว้าชัย 4 นัดรวดส่งผลให้ตอนนี้ พีทีที ระยอง ขยับขึ้นมาอยู่ท็อป 6 ของตารางไทยลีก และหากผลงานดีเช่นนี้ต่อไป ใครจะคาดเดาได้ว่าทัพ "พลังเพลิง" จะสร้างเซอร์ไพรส์ได้อีกมากแค่ไหน