สโมสร แมนฯ ซิตี้ ที่ครั้งหนึ่งเคยถูกแฟนบอล แมนฯ ยูไนเต็ด ค่อนขอดว่าเป็นเพื่อนบ้านน่ารำคาญ, ทีมบอลไร้ถ้วย, ขวัญใจกรรมาชีพ ฯลฯ ได้ล้างภาพในอดีตจนหมดสิ้น ยืนยันจากผลงานบนสนามและผลประกอบการด้านการเงิน ไล่จับปีศาจแดงทันแล้ว
รายงานจาก 'เมล ออนไลน์' ถึงผลประกอบการด้านการเงินช่วง 12 ปีหลังสุดตั้งแต่ฤดูกาล 2007-08 ว่าเดิมทีก่อนถูกโอเวอร์โดย ชีค มันซูร์ แห่งกลุ่มทุน อาบูดาบี ยูไนเต็ด กรุ๊ป เมื่อปี 2008 ซิตี้ มีรายได้แค่ราว 104 ล้านปอนด์ ห่างกับ ยูไนเต็ด 2 เท่าเพราะตอนนั้นทีมร่วมเมืองแมนเชสเตอร์คือมหาอำนาจ ประเมินรายได้อยู่ที่ 257 ล้านปอนด์
https://twitter.com/MailSport/status/1196558720886562817
ซิตี้ ไล่จับยูไนเต็ดทันแล้ว
ยุทธศาสตร์รอบ 12 ปีที่ผ่านมา 'เรือใบสีฟ้า' พยายามปรับโครงสร้างพื้นฐาน, ยกระดับสถานะของทีมขึ้นมาในหลายๆด้านจนสามารถสร้างผลงานบนสนาม เป็นแชมป์ลีก 4 สมัย, 2 เอฟเอ คัพ และ 4 ลีก คัพ ร่วมโม่แข้ง แชมเปี้ยนส์ ลีก แหล่งขุมทรัพย์รายได้สม่ำเสมอ
ขณะที่ ยูไนเต็ด คาบเกี่ยวช่วงท้ายการทำงานของ เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน กับกุนซืออีก 5 รายในช่วงหลังร่วมคว้าแชมป์ลีก 4 สมัย, 1 เอฟเอ คัพ, 1 ลีก คัพ, 1 ชปล. และ 1 ยูโรปาลีก
หลักฐานทางการเงินชัดเจน
อย่างไรก็ตามผลจากการพลาดแข่ง ชปล.ฤดูกาล 2019-20 และค่าลิขสิทธิ์ทางโทรทัศน์ ที่ตกลงมาถึง 23.1% (ราว 9.9 ล้านปอนด์ )นี่เองทำให้ ยูไนเต็ด ปรับลดคาดการณ์รายได้รวมจาก 627.1 ล้านปอนด์ มาเหลือแค่ราว 560-580 ล้านปอนด์ เท่านั้น
ซึ่งก็เป็นตัวเลขเท่ากับที่ทาง ซิตี้ ประเมินรายได้ของตัวเอง จึงถือว่าคือหนแรกในยุคพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ที่ทั้งสองเมืองแมนฯ สามารถโกยทรัพย์สินเข้าองค์กรจำนวนเกือบจะเป็นตัวเลขเดียวกัน ทั้งนี้หนึ่งปัจจัยคือการทำสัญญากับเสื้อแข่งแบรนด์ พูม่า ระยะยาวมูลค่ากว่า 650 ล้านปอนด์
แน่นอนว่าเป็นเรื่องน่าปวดใจของ 'เร้ด เดวิลส์' รวมถึงบุคลากรเก่าแก่ที่อุตส่าห์สร้างสโมสรให้เป็นมหาอำนาจทั้งผลงานบนสนามและความมั่งคั่ง ต้องมานั่งห่อเหี่ยวเพราะคนรุ่นหลัง
