เยอรมัน ที่เข้ารอบไปแล้ว ยังเน้นเพื่อตำแหน่งแชมป์กลุ่ม แนวรุกมี เลออน โกเร็ทซ์ก้า, แซร์ช นาบรี้ และ ยูเลี่ยน บรันด์ท ประสานงานร่วมกัน ส่วนไอร์แลนด์เหนือขาด จอนนี่ อีแวนส์ กองหลังคนสำคัญที่ป่วย  

ทีมเยือนไอร์แลนด์เหนือ ทำเอากองเชียร์เจ้าถิ่นเงียบเสียบในต้นเกมเมื่อเป็นฝ่ายพลิกนำก่อน 1-0 จากการยิงไกลสุดสวยของ ไมเคิ่ล สมิธ ในนาทีที่ 7 

แต่นาที 19 เยอรมันก็ตามตีเสมอ 1-1 ได้สำเร็จ โยนาส เฮคเตอร์ เปิดบอลจากซ้ายเข้าเขตโทษให้ แซร์ช นาบรี้ จับด้วยซ้ายแล้วหมุนตัวยิงด้วยขวาส่งบอลเสียบสามเหลี่ยมสุดเฉียบขาด

เยอรมัน เป็นฝ่ายพลิกนำในนาที 43 โยนาส เฮคเตอร์ คนเดิมเปิดบอลเรียดจากซ้ายมาหน้าประตู นาบรี้ ชาร์จไม่ถึงแต่ยังมี  เลออน โกเร็ทซ์ก้า สไลด์อีกคนส่งบอลเช็ดเสาเข้าไป ทำให้จบครึ่งแรก เยอรมัน นำ ไอร์แลนด์เหนือ 2-1

ครึ่งหลังเริ่มได้ 2 นาที เยอรมัน ขยับนำเป็น 3-1 จากจังหวะต่อบอลกันหลายจังหวะก่อนจบที่ ลูคัส โคลสเตอร์มันน์ สอดขึ้นทางขวาก่อนตบให้ แซร์ช นาบรี้ จับหนึ่งจังหวะแล้วยิงด้วยขวาส่งบอลเบียดเสาไกลอย่างเด็ดขาด เป็นประตูที่ 2 ในนัดี้ของปีกจากบาเยิร์น มิวนิค

อินทรีเหล็ก ได้ประตูนำ 4-1 ในนาที 60 ยูเลี่ยน บรันด์ท แทงบอลจากซ้ายเข้าเขตโทษให้  แซร์ช นาบรี้ จับจังหวะแรกโดนกระแทกจนเกือบเสียหลักแล้วแต่ขืนตัวเล่นต่อและยิงมุมแคบเข้าไปอย่างสุดยอด กลายเป็นแฮตทริกในนัดี้

นาที 73 เยอรมัน ได้ประตูนำ 5-1 โทนี่ โครส พยายามแทงทะลุช็อกติดบล็อก แต่เด้งเข้าทาง เลออน โกเร็ทซ์ก้า รอจังหวะบอลตกก่อนซัดด้วยขวาตรงเส้นเขตโทษเข้าไปสวยงาม 

ช่วงทดเจ็บ เยอรมัน มาได้เพิ่มอีกจากการยิงของ ยูเลี่ยน บรันด์ท ทำให้จบเกม เยอรมัน เปิดบ้านถล่ม ไอร์แลนด์เหนือ 6-1 เข้ารอบในฐานะแชมป์กลุ่ม