เพสลี่ย์ ปั้น 'เร้ดส์' กวาดแชมป์มากมายจนถูกขนานนามว่า 'เครื่องจักรสีแดง' ด้วยรูปแบบการเล่นเดินหน้าฆ่ามัน แบบไม่มีถอนคันเร่งตลอด 90 นาที 

ขณะที่ คล็อปป์ กับปรัชญา 'เกเก้น เพรสซิ่ง' ไล่บี้แดนบนคู่แข่งตั้งแต่นกหวีดแรก ขุมกำลังทุกตำแหน่งช่วยกันวิ่ง จัดเป็นบอลบ้าพลัง ไม่ว่าเจอใครก็มามุกนี้ 

ทั้งสองผจก.ทีม แน่วแน่เรื่องสไตล์การเล่นของตัวเอง ไม่แคร์ว่าดวลกับหน้าไหน ผิดจากเทรนเนอร์บางรายที่เน้นแท็คติคปรับเปลี่ยนตามคู่ต่อกรเพื่อหวังผลคว้าชัย - ซึ่งความเด็ดเดี่ยวของ 'เจเค' นี่เองทำให้ อีแวนส์ ปลื้มสุดๆ 

"เพสลี่ย์ เคยกล่าวว่า - บนสนามห่วงแค่ผลงานของเราเอง ไม่ต้องใส่ใจคู่แข่ง - โอเคฟุตบอลสมัยใหม่รายละเอียดต่างๆมันอาจเปลี่ยนไป แต่เรื่องที่เรายังคงรักษาไว้คือไม่บ้าจี้ให้ความสำคัญกับแท็คติค"  อีแวนส์ กล่าวกับ 'เมล ออนไลน์'

https://twitter.com/MailSport/status/1241157584507322377

อีแวนส์ ถึงบอล คล็อปป์

" อย่าใส่ใจว่าใครเป็นคู่ต่อกร นักเตะที่ดีย่อมตัดสินใจในสิ่งที่ถูกที่ควร" 

"ใช่เลยว่าเราเล่นบอลอย่างมีสไตล์ เราทราบว่าต้องรับมืออย่างไรเมื่อเสียการครองบอล แต่โดยส่วนใหญ่เมื่อลงสนามทีมให้อิสระนักเตะจัดการปัญหา แล้วมันเป็นเช่นนั้นเสมอ"  

"โม ซาลาห์ คือตัวอย่างที่ดี เขายิงเป็นกอบเป็นกำ แต่ก็ยังลงมาช่วยเกมรับ เหมือนสมัยก่อนที่ เอียน รัช ทำ"

"รัชชี่ ฝีเท้าดีกว่าชาวบ้านในทีม ลิเวอร์พูล ทศวรรษ'80 แต่เขาไม่สนเรื่องทำประตูเลยหาทีมต้องเล่นป้องกัน จะลงมาช่วยอุดพื้นที่ให้แน่น เหลือสำหรับคู่แข่งเจาะน้อยที่สุด หรือหากคุณหลุดตำแหน่งหมอนั่นพร้อมมาซ้อนให้"

"ผู้เล่นเป็นคนกำหนดโทนของเกมเหมือน ซาลาห์ ปัจจุบัน หากหมอนั่นโดนประกบติด ก็จะมีคนรองอยู่ด้านหลัง แต่หากเขาห่างออกไปอีก 10 หลา เพื่อนก็จะรักษาตำแหน่งให้สอดประสานกันได้" 

"ทีมชุดปัจจุบันเจ๋งเหมือนชุดที่ผมเคยรู้จัก หากมีผู้เล่นคนไหนเล่นเด่นขึ้นมา ทีมเมตก็ปล่อยให้ฉายโดยคอยปั้น - คล็อปป์ สอนเด็กมาดีเรื่องนี้" 

อีแวนส์ เคยเป็นอดีต ผจก.ทีม ลิเวอร์พูล ระหว่างปี 1994-1998 แม้ไม่ประสบความสำเร็จแต่ทำทีมสไตล์บู๊แหลก มาพร้อมความโด่งดังของนักเตะแก๊งสไปซ์ บอยส์