อัพเดทความพยายามกลับมาแข่งของลีกฟุตบอลอังกฤษที่ระงับไปกว่า 8 สัปดาห์ โดยระดมสมองทุกภาคส่วนทั้งฝ่ายจัด, สโมสรสมาชิก, ฝ่ายสาธารณสุขของรัฐ, สมาคมผู้เล่นและผจก.ทีม 

ทว่าก็ดันมีพวกตีรวนไม่อยากกลับมาแข่ง จำเพาะไปยัง 6 สโมสรโซนท้ายตารางได้แก่ นอริช, แอสตัน วิลล่า, บอร์นมัน, เวสต์แฮม, ไบรท์ตัน และวัตฟอร์ด เพราะกลัวว่าหากต้องโม่เกือกจริงๆครบ 38 แมตช์เดย์ อาจไม่สามารถรักษาสถานะบนลีกสูงสุด ทำให้สูญรายได้กว่า 100 ล้านปอนด์ในฤดูกาล 2020-21 

รวมถึงแนวคิดการเล่นสนามกลางทำให้พวกเขาเสียเปรียบกว่าเดิม

จึงรวมหัวกันในหมู่ทีมหนีตายว่าจะขวางการลงมติเรื่องรีสตาร์ต ซึ่งพอเรื่องทราบถึงสมาชิกอื่นๆ ก็ของขึ้น รวมหมู่มากขู่สโมสรก้นตารางหากทำตัวเป็นจระเข้ขวางคลองจะถูกปรับตกชั้น 

ดราม่าหลังฉาก ที่ทำให้ภาพโต๊ะเจรจาไม่งามนี่เองสะกิดใจ 'เนฟ' เพราะมองว่าเสียงส่วนใหญ่รุมกลั่นแกล้งทีมหนีตกชั้น 

"ไม่มีข้อกังขาเลยว่าพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เวลานี้แบ่งก๊กตามความต้องการให้ผลลัพธ์เข้าทางสโมสรตัวเอง จนสารที่สื่อออกมาในวันแรกของของประชุมเรื่องโรคระบาดเป็นเรื่องที่ทั่วโลกต้องร่วมมือกันนั้น กลายเป็นคำพูดให้ดูดีไปงั้น"  เนวิลล์ กล่าวในรายการ 'เดอะ ฟุตบอล โชว์'

https://twitter.com/SkySportsPL/status/1258366545710977031/video/1

เนวิลล์ ยืนหยัดข้างทีมเล็ก

"ณ เวลานี้ฟุตบอลไม่ใช่วงการแสนดีอีกแล้ว มันมีแต่ห่วงประโยชน์ส่วนตัว ทำเรื่องสกปรกหลังฉาก เมื่อฟังจากน้ำเสียงที่สื่อออกมาช่วงหลัง" 

"ลืมเรื่องสวัสดิภาพไปแล้วหรือ? มันน่าเกลียดมากนะ" 

"ทั้งนี้เรื่องไม่มีทีมตกชั้น คิดว่ามันไม่ยุติธรรมนะ เพราะเมื่อเราเล่นฟุตบอลมันก็เพราะมีเหตุมีผล หาใช่เตะให้พ้นๆไป" 

"ระบบเลื่อนชั้น-ตกชั้น คือตัวขับเคลื่อนวงการของเรา ทำให้เกิดการแข่งขัน ผมคงไม่อยากให้มันถูกยกเลิก"

"ลองดูตัวอย่างที่ลีกเยอรมัน พวกเขารับมือกับการระบาดของโคโรน่าไวรัสอย่างไร? คำตอบคือจัดการดีกว่าประเทศเราเยอะ แต่คงไม่เป็นธรรมหากเอามาเปรียบเทียบกับที่อังกฤษ" 

"สรุปแล้วพวกสโมสรก้นตารางก็ต้องโดนกลั่นแกล้ง บีบบังคับให้ลงสนามอยู่ดี ต่อให้พวกเขาจะยกเหตุผลเรื่องความปลอดภัย ก็ไม่มีใครฟัง" เนวิลล์ ทิ้งท้าย