เลอบรอน เจมส์ พอยน์ฟอร์เวิร์ด แอลเอ เลเกอร์ส ทำสถิติแซง ทิม ดันแคน ตำนานของ ซาน แอนโธนิโอ สเปอร์ส ขึ้นอันดับ 2 ของผู้เล่นที่ชนะเพลย์ออฟมากสุด 158 ครั้ง ตามหลังเฉพาะ ดีเร็ค ฟิสเชอร์ อดีตเลเกอร์สที่ชนะเพลย์ออฟ 161 ครั้ง หลังนำทัพม่วง-ทองชนะ พอร์ทแลนด์ เทรล เบลเซอร์ส 116-108 เมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมาขึ้นนำซีรี่ส์ 2-1 

เจมส์ ทำ 38 คะแนน, 12 รีบาวน์ด กับ 8 แอสซิสต์ ขณะที่ แอนโธนี่ เดวิส ทำ 29 แต้ม, 11 รีบาวน์ด กับ 8 แอสซิสต์ เป็นสองผู้เล่นเลเกอร์สที่ทำได้มากกว่า 25 คะแนนและรีบาวน์ดอย่างน้อย 10 ครั้งในเกมเดียวกัน นับตั้งแต่ โคบี้ ไบรอันท์ และ แช็ค โอนีลล์ ทำได้ในเกมที่ 7 ของรอบชิงชนะเลิศฝั่ง เวสเทิร์น คอนเฟอเรนซ์ ปี 2002 กับ ซาคราเมนโต้ คิงส์ แต่สถิติ 8 แอสซิสต์ของ เลอบรอน กับ เดวิส ยิ่งเกิดขึ้นยาก นั่นทำให้พวกเขากลายเป็นคู่หูคนที่สองที่ทำ 25-10-8 ในเกมเพลย์ออฟเหมือนกับ เควิน ดูแรนท์ กับ รัสเซลล์ เวสต์บรู้ก เคยทำได้ในปี 2014 กับ โอคลาโฮม่า ซิตี้ ธันเดอร์

'มันเป็นเรื่องเกินจริงสำหรับผมเสมอ เมื่อชื่อของผมเกี่ยวข้องกับผู้ยิ่งใหญ่คนใดคนหนึ่ง' เจมส์ กล่าวถึงการทำสถิติชนะเกมเพลย์ออฟมากสุดอันดับ 2 ในประวัติศาสตร์ 'และเห็นได้ชัดว่าคุณรู้ว่า ทิม ดันแคน ยอดเยี่ยมแค่ไหนในลีกนี้กับแฟรนไชส์นั้น โดยพื้นฐานแล้วเขาอยู่ในโพสต์ซีซั่น นั่นเป็นที่อยู่ของเขา ดังนั้นสำหรับผมที่จะเชื่อมโยงกับผู้ยิ่งใหญ่ในรากฐานสำคัญ มันมีความหมายกับผมมาก'

เจมส์ และ ดันแคน เคยพบกันในรอบชิงชนะเลิศเอ็นบีเอ 3 ครั้งในปี 2007, 2013 และ 2014 โดยฝั่ง ซาน แอนโธนิโอ เป็นฝ่ายชนะ 2 ครั้ง หลัง สเปอร์ส ของ ดันแคน กวาด 4-0 เมื่อ เจมส์ นำ คลีฟแลนด์ คาวาเลียร์ส เข้ารอบชิงครั้งแรกในรอบ 22 ปี ก่อน ดันแคน จะกล่าวถึง เลอบรอน หลังการคว้าแชมป์ในปีดังกล่าวว่า 'นี่จะเป็นลีกของคุณ อีกไม่นาน' ก่อนแท็กติดตลกว่า 'แต่ผมขอบคุณที่คุณมอบสิ่งนี้ให้เราในปีนี้'

ทุกอย่างเป็นไปตามความพูดของ ดันแคน หลัง เลอบรอน คว้ารางวัลเอ็มวีพี 4 ครั้ง และ กวาดแชมป์เอ็นบีเอ 3 สมัยจากการทะยานเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศ 8 ครั้ง 

เจมส์ ยังกล่าวถึงการเล่นกับรุ่นน้อง เดวิส ฟอร์เวิร์ดวัย 27 ปีที่คลิกกันเร็วว่า 'เพราะเราสองคนรู้ว่าเราเป็นใคร เรารู้ว่าเราเป็นใครในฐานะมนุษย์ เราไม่ได้พยายามเป็นคนอื่นนอกจากตัวตนของเราเอง'

'และเมื่อคุณรู้จักตัวเองและเมื่อคุณมั่นใจในสิ่งที่คุณทำทั้งในและนอกสนามและคุณรู้ว่าคุณเป็นตัวแทนอะไร ไม่มีอัตตา ไม่มีอีโก้ เราต้องการให้เราทั้งคู่ประสบความสำเร็จทั้งในและนอกสนาม เราต้องการให้ครอบครัวของเรามีความสุข เราอยากให้กันและกัน พยายามมีความสุขให้มากที่สุด ไม่มีอีโก้ ดังนั้นเมื่อคุณสามารถคิดได้ว่าชีวิตคุณเป็นใครและคุณยืนหยัดเพื่ออะไร มันก็ไม่มีอะไรสำคัญอีกแล้ว' เจมส์ กล่าว