โจ เบอร์โรว์ ควอร์เตอร์แบ็กรุคกี้ของ ซินซินเนติ เบงกอลส์ มีแนวโน้มที่จะสร้างสถิติที่ไม่พึงประสงค์ในฐานะผู้ที่ถูกแซ็คมากสุดในประวัติศาสตร์เอ็นเอฟแอลทำลายสถิติเดิมของ เดวิด คาร์ อดีตดราฟท์คนแรก คลาส 2002 ที่ถูกแซ็คตลอดซีซั่นรุคกี้ ตามรายงานข่าวจากอีเอสพีเอ็นเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา 

คาร์ อดีตดราฟท์คนแรกของ ฮิวสตัน เท็กแซนส์ ถูกแซ็คตลอดซีซั่นรุคกี้ปี 2002 ถึง 76 ครั้ง ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดของเอ็นเอฟแอลจนถึงปัจจุบัน แต่สถิติดังกล่าวกำลังจะถูกท้าทายจาก เบอร์โรว์ ดราฟท์คนแรก คลาส 2020 ของ เบงกอลส์ หลังควอร์เตอร์แบ็กรุคกี้ของทีมเสือลายพาดกลอนถูกแซ็ครวมกัน 14 ครั้งจากการลงเล่น 3 เกมแรกและมีโอกาสถูกแซ็คตลอดซีซั่นอย่างน้อย 75 ครั้งจากการพิจารณาจากค่าเฉลี่ยที่ผ่านมา

เบอร์โรว์ เสียเกมละ 3 แซ็คจากการลงเล่น 2 เกมแรกกับ แอลเอ ชาร์จเจอร์ส และ คลีฟแลนด์ บราวน์ส ก่อนเสียมากถึง 8 แซ็คในเกมล่าสุดกับ ฟิลาเดลเฟีย อีเกิ้ลส์ รวมถึงการถูกกดดันอีก 18 ครั้ง ส่วนหนึ่งมาจากความอ่อนปวกเปียกของแนวออฟเฟนซีฟไลน์ที่เฮดโค้ช แซ็ค เทย์เลอร์ มองว่า'โอ-ไลน์'มีส่วนรับผิดชอบครึ่งหนึ่งจากการเสีย 8 แซ็คในเกมล่าสุด 

'คุณไม่ต้องการให้ควอร์เตอร์แบ็กของคุณถูกกดดันมากเท่าที่เขามี' ไบรอัน คัลลาแฮน โค้ชทีมบุกของ เบงกอลส์ กล่าวกับ เบน เบบี้ ผู้สื่อข่าวอีเอสพีเอ็น 'บางคนอยู่ในความคุ้มครอง แค่ปกป้องการขว้างอย่างเดียว บางส่วนที่อยู่ในตัวเขาและสไตล์การเล่นของเขา การเล่นที่ยังไม่จบสำหรับเขา เขาทำทุกอย่างที่เขาสามารถทำได้เพื่อให้เกมอยู่ต่อไป'

ส่วนเฮดโค้ช เทย์เลอร์ กล่าวว่า 'นั่นทำให้ โจ เป็นผู้เล่นแบบที่เขาเป็น เขาไม่กลัวที่จะถูกกดดันและทำให้ตัวเองอยู่ในตำแหน่งเหล่านั้นเพราะมันหมายถึงการเล่นที่ระเบิดได้ มีการเล่นอย่างชาญฉลาดและวางตัวเองในตำแหน่งนั้นอย่างสมดุล'

ควอร์เตอร์แบ็กหลายชอบความกดดันเพื่อสร้างบิ๊กเพลย์อย่าง แอรอน ร็อดเจอร์ส, แพทริค มาโฮมส์ หรือ เดอชอน วัตสัน โดยเฉพาะ มาโฮมส์ ที่เล่นอย่างชาญฉลาดและมีความคล่องตัวสูงมีค่าเฉลี่ยถูกแซ็คต่ำสุดเพียง 1.6 ครั้ง ส่วน เบอร์โรว์ ยังต้องเรียนรู้ในการเอาตัวรอดมากขึ้น รวมถึงการพัฒนาของ'โอ-ไลน์'เพื่อไม่ให้ควอร์เตอร์แบ็กรุคกี้ทำลายสถิติของ คาร์