เทรนเนอร์ สเตฟาน คุนท์ซ พาแชมป์เก่าผ่านเข้ารอบรองฯ ในฐานะทีมอันดับ 1 กลุ่มบี โดยเกมสุดท้ายเสมอ ออสเตรีย 1-1 เก็บเพิ่มเป็น 7 แต้มจาก 3 นัด
สภาพทีมจะไม่มี เบนจามิน เฮนริคส์ ฟูลแบ็กที่ติดโทษแบน 1 นัด คาดว่า มักซิมิเลียน มิทเทลชตัดท์ จะรับโอกาสลงตัวจริงในตำแหน่งแบ็กซ้าย
สองกองหน้า ลูก้า วาลด์ชมิดท์ ยิงสามนัดติด กลายเป็นผู้นำดาวซัลโว 5 ประตูอยู่ในเวลานี้ ขณะที่ มาร์โก ริคเตอร์ ยิงไปแล้ว 3 ลูก พร้อมลงตัวจริงทั้งคู่กันต่อไป
โรมาเนีย
โรมาเนีย กลายเป็นทีมม้ามืด หลังจากพลิกล็อกโค่น อังกฤษ ตกรอบ และผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศ ในฐานะทีมอันดับ 1 กลุ่มซี เหนือ ฝรั่งเศส ด้วย
มิเรล ราดอย เทรนเนอร์ โรมาเนีย ไม่มีปัญหาในการเตรียมทีม ทั้งเรื่องตัวจริงหรือติดโทษแบน จึงน่าจะไม่ปรับทัพสิบเอ็ดตัวจริงจากนัดก่อนๆ
ทีเด็ดของทีมอยู่ที่แนวรุกที่มี จอร์จ ปุสกาส, ยานิส ฮาจี้ และ โฟลริเนล โคมัน ยิงกันไปคนละ 2 ประตูจากทั้งหมด 8 ประตูที่ทีมยิงได้ในรอบแบ่งกลุ่ม
11 ผู้เล่นตามคาด
เยอรมนี (4-1-3-2) : อเล็กซานเดอร์ นูเบล, ลูคัส โคลสเตอร์มันน์, โยนาทาน ทาห์, ติโม เบาม์การ์เทิ่ล, มักซิมิเลียน มิทเทลชตัดท์ - มักซิมิเลียน เอ็กเกชไตน์ - โฟลเรียน นอยเฮาส์, มาห์มูด ดาฮูด, เลวิน เอิซตูนาลี่ - ลูก้า วาลด์ชมิดท์, มาร์โก ริคเตอร์
โรมาเนีย (4-2-3-1) : อันเดร ราดู - คริสเตียน มาเนีย, ยอนุต เนเดลเชียรู, อาเดรียน รุส, ราดู โบบอช - ดรากอส เนเดลคู, ทูดอร์ บาลูต้า - เดนนิส มาน, ยานิส ฮาจี้, โฟลริเนล โคมัน - จอร์จ ปุสกาส
ผู้ตัดสิน : โอเรล กรินเฟลด์ (อิสราเอล)
สนาม : สตาดิโอ เรนาโต้ ดาลลาร่า, โบโลญญ่า