เบลเยียม

"ปีศาจแดงแห่งยุโรป" ของกุนซือ โรเบร์โต้ มาร์ติเนซ เข้ารอบมาได้ด้วยผลงาน 100 เปอร์เซ็นต์ชนะรวด 3 นัดหลังทุบ ฟินแลนด์ ส่งท้าย 2-0 

ความพร้อมล่าสุดไม่มีตัวเจ็บเพิ่มนอกเหนือกจาก ทิโมธี กัสตาญ จาก เลสเตอร์ ที่เจ็บตั้งแต่นัดแรก 

โทบี้ อัลเดอร์ไวเรลด์, ยาน แฟร์ต็องเกน, ยูริ ตีเลอมันส์ และ ธอร์กาน อาซาร์ ที่เป็นสำรองนัดล่าสุด พร้อมคืนตัวจริงผนึกกำลังกับ 3 ดาวดังแนวรุก เควิน เดอ บรอยน์, เอแด็น อาซาร์ และ โรเมลู ลูกากู เจ้าของสถิติยิงในทีมชาติ 63 ประตูจาก 96 นัด

โปรตุเกส

"แชมป์เก่า" ของกุนซือ แฟร์นานโด ซานโต๊ส ลุ้นถึงนัดสุดท้ายก่อนเสมอฝรั่งเศส 2-2 ได้ผ่านเข้ารอบในฐานะ 1 ใน 4 ทีมอันดับ 3 ที่ดีที่สุด ซึ่งก็เหมือนยูโร 2016 ที่ผ่านรอบแรกแบบกระท่อนกระแท่นแต่ไปถึงตำแหน่งแชมป์

ความพร้อมล่าสุดน่าจะได้ ดานิโล่ เปเรยร่า กองหลางคนสำคัญฟิตทันลงสนามหลังเจ็บใบหน้าจากการโดน อูโก้ โยริส ออกมาชกบอลอัดเข้าเต็มๆ 

เรนาโต้ ซานเชส ที่เด่นมากในเกมกับฝรังเศส ยึดตัวจริงในแดนกลางร่วมกับ ดานิโล่ เปเรยร่า และ ชูเอา มูตินโญ่ 

ส่วน 3 แนวรุกนำโดย คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ที่ยิงไปแล้ว 5 ประตู นำดาวซัลโวของรายการและยิงทาบ อาลี ดาอี ในทำเนียบดาวซัลโวตลอดกาลทีมชาติที่ 109 ประตู โดยจะประสานงานร่วมกับ แบร์นาร์โด้ ซิลวา กับ ดิโอโก้ โชต้า พร้อมประสาน

11 ผู้เล่นตามคาด 

เบลเยียม (3-4-2-1) : ติโบต์ กูร์กตัวส์ - โทบี้ อัลเดอร์ไวเรลด์, เดดริค โบยาต้า, ยาน แฟร์ต็องเกน - โธมัส เมอนิเย่ร์, อั๊กเซล วิตเซล, ยูริ ตีเลอมันส์, ธอร์กาน อาซาร์ - เควิน เดอ บรอยน์, เอแด็น อาซาร์ - โรเมลู ลูกากู

โปรตุเกส (4-3-3) : รุย ปาตริซิโอ - เนลซอน เซเมโด้, รูเบน ดิอาส, เปเป้, ราฟาแอล เกร์เรยโร่ - เรนาโต้ ซานเชส, ดานิโล่ เปเรยร่า, ชูเอา มูตินโญ่ - แบร์นาร์โด้ ซิลวา, คริสเตียโน่ โรนัลโด้, ดิโอโก้ โชต้า

สนาม : เอสตาดิโอ ลา การ์ตูฆา, เซบีย่า สเปน 

ผู้ตัดสิน : เฟลิกซ์ ไบรช์ (เยอรมัน)