แมนฯ ซิตี้

เรือใบ เอาชนะได้ 3 จาก 4 นัดหลังสุดรวมทุกรายการนับตั้งแต่กลับมาจากช่วงเบรกฟุตบอลโลก โดยล่าสุดก็เป็นการบุกไปเชือด เชลซี 1-0 ถึงสแตมฟอร์ด บริดจ์

เป๊ป กวาร์ดิโอล่า กุนซือชาวสเปน เปิดเผยว่า แคลวิน ฟิลลิปส์ มีระดับที่ปรับปรุงแล้ว และมีลุ้นได้ลงสนามในเกมนี้ หลังถูกโจมตีเรื่องน้ำหนักตัวนับตั้งแต่กลับมาจากฟุตบอลโลก ขณะที่เขาเพิ่งจะได้เล่นในพรีเมียร์ลีก ให้ ซิตี้ ไปไม่ถึง 10 นาทีนับตั้งแต่ย้ายมาด้วยค่าตัว 45 ล้านปอนด์

อย่างไรก็ตาม ทั้ง เอมเมอริก ลาปอร์กต์ และ รูเบน ดิอาส สองเซนเตอร์แบ็กจะไม่สามารถลงเล่นได้อย่างแน่นอน

เชลซี

สิงห์บลูส์ ที่ปัจจุบันรั้งอันดับ 10 ในพรีเมียร์ลีก เพิ่งจะแพ้ แมนฯ ซิตี้ คาบ้าน 0-1 ในเกมที่แล้ว ขณะที่ฟอร์ม 5 นัดก่อนหน้านั้นในทุกรายการก็เอาชนะได้แค่นัดเดียวเท่านั้น (แพ้ 3)

กุนซือ เกรแฮม พ็อตเตอร์ นอกจากจะมีปัญหาเรื่องฟอร์มของทีมตัวเองแล้วยังต้องมาปวดหัวเรื่องขุมกำลังอีก เนื่องจากอาจขาดผู้เล่นชุดใหญ่ในเกมนี้ถึง 10 คน

ตัวปั้นเกมอย่าง เมสัน เมาท์ อาจรีเทิร์นกลับมาซ้อมจากอาการบาดเจ็บได้แล้ว แต่ ราฮีม สเตอร์ลิง, คริสเตียน พูลิซิช, เอ็นโกโล่ ก็องเต้, รีซ เจมส์, เวสเล่ย์ โฟฟาน่า และ เบน ชิลเวลล์ ต่างชวดทั้งหมด

11 ตัวจริงตามคาด

แมนฯ ซิตี้ (4-3-3) : สเตฟาน ออร์เตก้า - ริโก้ ลูอิส, มานูเอล อคานจี, จอห์น สโตนส์, นาธาน อาเก้ - เควิน เดอ บรอยน์, แคลวิน ฟิลลิปส์, อิลคาย กุนโดกัน - ริยาด มาห์เรซ, ฮูเลียน อัลวาเรซ, โคล พัลเมอร์

เชลซี (4-2-3-1) : เกปา อาร์รีซาบาลาก้า - เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า, ติอาโก้ ซิลวา, กาลิดู กูลิบาลี่, ลูอิส ฮอลล์ - จอร์จินโญ่, มาเตโอ โควาซิช - ฮาคิม ซิเย็ค, คอเนอร์ กัลลาเกอร์, เมสัน เมาท์ - ไค ฮาแวร์ตซ์

ผู้ตัดสิน : โรเบิร์ต โจนส์

แมนฯ ซิตี้ เอาชนะมาได้ในนัดที่แล้ว เกมนี้ก็ได้กลับมาเฝ้ารังต่ออีก ซึ่งแน่นอนยิ่งได้เปรียบไปใหญ่ ด้าน เชลซี มาเยือนแบบความมั่นใจหดหาย มองว่านัดนี้ก็น่าจะเป็น เรือใบ ที่เอาชนะได้อีกครั้ง ทว่ากับราคานี้ยังน่ารอง สิงห์บลูส์ มากกว่า

ผลที่คาด

แมนฯ ซิตี้ ชนะ เชลซี 1-0