บิดเข็มนาฬิกาเบี้ยวๆกลับไป ไอ้หนูจากแม่ริม เชียงใหม่ สร้างชื่อจนถูกจับจ้องในฐานะ “ดาวรุ่ง” คนหนึ่งของไทย จากฝีเท้าที่ไฉไล และเสื้อที่ใส่เข้ากางเกงทุกนัดยามลงสนาม (ฮา)
ใช่ หมอนี่คือ อานนท์ อมรเลิศศักดิ์, อานนท์คนดี หรือ เจ้านนท์ สุดแล้วแต่โอชิเจ้าตัวจะตั้งสมญานามให้
ฝึกปรือฝีตีนกับโรงเรียนฟุตบอลแถบอีสานใต้ หายใจเข้าออกเป็นลูกหนัง ก่อนประเดิมสนามไทยลีกกับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ตั้งแต่วัยที่ยังเข้าผับไม่ได้ (16 ปี 8 เดือน)
ขณะที่เวทีระดับทีมชาติต่างผายมือรับ ช้างศึกรุ่นอายุไม่เกิน 19 หรือ 23 ต้องมีชื่อเขาอยู่ในทีม
เรียกว่าเป็นเมล็ดพันธุ์ที่รอผลิใบเติบใหญ่บนสนามรบสีเขียว
อย่างไรก็ตามด้วยบทบาทที่ถูกขีดให้ในรั้ว “ช้าง อารีนา” ของเขา กลับไม่ใช่ตำแหน่งที่เจ้าตัวถนัด บวกกับการแข่งขันภายในทีมที่ค่อนข้างสูง จนพบตัวเองในฐานะ “ตัวสำรอง” มากกว่า
เหมือน บุรีรัมย์ เองก็มองออก ว่า อานนท์ อยู่ในช่วงขวบวัยการพัฒนา ต้องมีแมตช์ลงเกมบ้าง ทำให้พวกเขาเลือกหาทางออกด้วยการปล่อยเด็กหนุ่มไปให้สโมสรอื่นใช้ด้วย “สัญญายืมตัว”
กอปรกับการเปลี่ยนผ่านของ บีจีเอฟซี ถูกแทนที่ด้วยโค้ชใหม่หน้าเก่าอย่าง อนุรักษ์ ศรีเกิด พิสมัยในตัวหมอนี่เป็นทุนเดิม ดีลดังกล่าวจึงเกิดอย่างไม่ยากเมื่อ 1 เดือนก่อน
บุรีรัมย์ หาที่ลงให้เด็กในคาถาปล่อยของ บีจี ได้ผู้เล่นในสไตล์ที่ตอบโจทย์
เป็นธุรกิจลูกหนังที่วินทั้งสองฝ่าย
คำถามคือเหตุใด บีจีเอฟซี ถึงหยิบเอา อานนท์ มาใช้งานในเลกสอง ทั้งที่อุดมไปด้วยแนวรุกต่างชาติ ?
ย้อนกลับไปปลายฝนเมื่อ 2 ปีก่อน ที่ร้านกาแฟในกรุงฮานอย เวียดนาม ผู้เขียนซัดคำถามกับ “พี่จุ่น” เฮดโค้ชบีจี คนปัจจุบัน ที่ตอนนั้นยังคุมทัพ “ช้างศึก” รุ่นอายุไม่เกิน 19 ปี
พี่จุ่น เปรยว่าทีมชุดนี้ มีผู้เล่นที่จะเป็นอนาคตของทีมชาติไทยชุดใหญ่ได้สบายมาก โดยเฉพาะแผงมิดฟิลด์ตัวรุกอย่าง วรชิต (กนิตศรีบำเพ็ญ) หรือ อานนท์ ที่เขาเตรียมใส่รายชื่อไปชิงแชมป์เอเชียที่ บาห์เรน (ที่เวียดนาม บุรีรัมย์ ไม่ได้ปล่อยตัวมาให้)
นั่นคือเหตุผลดึง อานนท์ มาจอยที่ ลีโอ สเตเดียม
“หลายคนเข้าใจผิดมาตลอดว่า อานนท์ เป็นผู้เล่นริมเส้น ใช่เขาสามารถเล่นตัวริมเส้นได้ แต่ตำแหน่งที่เขาถนัดสุดคือ มิดฟิลด์ตัวรุก หรือเพลย์เมกเกอร์สร้างสรรค์เกมหลังกองหน้า”
“ตอนพี่ทำทีมชาติรุ่น 19 ปี พี่ให้ อานนท์ ยืนตัวรุกคู่กับ วรชิต ตลอด และเขาทำได้อย่างดี การดึงเขามาเล่นให้ที่บีจีหนนี้ก็เช่นกัน พี่ต้องการให้เขาเป็นมิดฟิลด์ตัวรุกสร้างสรรค์เกม ขีดความสามารถเขาจะดีที่สุดเมื่อเล่นตำแหน่งนี้” พี่จุ่น เผย
ผู้เขียนพยักหน้าเห็นด้วย เมื่อชายตาไปที่ทรัพยากรลูกหนังบีจี พวกเขาไม่มีผู้เล่นสไตล์นี้อยู่ในทีมเลย ดาเนียล โตติ อาจมีการวางบอลที่สุดติ่ง แต่ตำแหน่งที่ดีสุดของเขาคือตัวรุกริมเส้น
ขณะ มาริโอ ยูรอฟสกี เป็นนักเตะที่มีมิติเกมรุกตามใจตัวเองเกินไป ไม่ใช่สไตล์กองกลางเคลื่อนที่ตลอด ซึ่งสวนทางกับแท็คติกของ อนุรักษ์ ศรีเกิด ที่ต้องการให้ผู้เล่นแนวรุกพาบอลไปเอง หรือเลี้ยงกินตัวได้
อานนท์ อมรเลิศศักดิ์ จึงตอบโจทย์ในแบบแผน 4-3-3 ของ อนุรักษ์ ศรีเกิด
ไทยลีกเลกสองเริ่มสตาร์ทแล้ว แสงแฟลชจากกล้อง เวทีลูกหนัง แฟนบอล ทุกอย่างผายมือพร้อมให้ เจ้าตัวลงเซิ้ง
แม้จะมีผลงานจับต้องได้ นัดประเดิมสนามในยูนิฟอร์ม “บลู แมชชีน” หลังสามารถเดบิวต์ประตู เกมลีกคัพ ที่บุกไปเยือน ตราด เอฟซี 2-0 ทว่าเกมถัดมาที่พ่าย ราชนาวี คาถิ่น 0-1 เจ้าตัวกลับไม่ได้สำแดงเดชมากนัก
น่าสนใจว่า กับเวลาที่เอื้อในครึ่งฤดูกาลหลัง อานนท์ จะมีส่วนช่วยแก้สมการลูกหนังที่ บีจี ปวดกบาลกันอยู่ ให้กลับมาคัมแบ็กหัวตารางได้ดังวันวานหรือไม่ สำหรับแข้งที่เพิ่งผ่านวัยบรรลุนิติภาวะ กับตำแหน่ง “จอมทัพ” ตัวหลัก
เป็น “ไพ่” อีกใบที่ อนุรักษ์ ศรีเกิด ทิ้งลงมาในเลกสอง เพื่อหวังทวงวันดีดีของสโมสรกลับคืน
ส่วนจะ เจ๋ง หรือ เจ๊ง เวลาอาจเป็นคำตอบชั้นดีให้…
ในฤดูที่เหงาปนแฉะ และเม็ดฝนเอาแต่ใจ เด็กหนุ่มจากเผ่าลีซอพบตัวเองละแวกคลอง 3 กับบทบาทผู้เล่นใหม่ถิ่น ลีโอ สเตเดียม
