:::     :::

บุนเดสลีกามาแล้ว

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
บุนเดสลีกา เยอรมัน ฤดูกาล 2018/19 กลายเป็นลีกที่เริ่มฤดูกาล "ช้าสุด" ในบรรดา 5 ลีกใหญ่เมื่อนัดเปิดสนามจะได้คิวออกตัวในวันศุกร์ที่ 24 สิงหาคมนี้

บาเยิร์น มิวนิค แชมป์เก่า 6 สมัยซ้อนยังคงเป็นเต็งจ๋าที่จะรักษาแชมป์ได้อีกสมัยแม้มีการเปลี่ยนโค้ชจาก จุ๊ปป์ ไฮย์เกส ผู้มากประสบการณ์มาเป็นโค้ชหนุ่มไฟแรงอย่าง นิโก้ โควัช ก็ตาม

"เสือใต้" จะลงสนามเป็นคู่แรกของลีกเมืองเบียร์ด้วยเปิดรังอัลลิอันซ์ อารีน่า รับมือ ฮอฟเฟ่นไฮม์ ที่มีผลงานเยี่ยมยอดจบถึงอันดับ 3 ในฤดูกาลล่าสุด

ขณะที่ ดอร์ทมุนด์, ไลป์ซิก, ชาลเก้, เลเวอร์คูเซ่น และ ฮอฟเฟ่นไฮม์ ถูกมองว่าคงต้องแย่งตั๋วไปเล่น ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก มากกว่าที่จะลุ้นแชมป์กับ "เสือใต้" และในส่วนของการลุ้นหนีตกชั้น ฟอร์ทูน่า ดุสเซลดอร์ฟ และ เนิร์นแบร์ก สองทีมน้องใหม่เป็นเต็งจ๋าที่จะกลับไปเล่น ลีกา สอง 


บาเยิร์น มิวนิค 

อันดับฤดูกาลก่อน : แชมป์ (84 คะแนน)

ดาวซัลโวฤดูกาล : โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ (29 ประตู) 

กุนซือ : นิโก้ โควัช (โครเอเชีย) 


"เสือใต้" มีโอกาสสูงที่จะคว้าแชมป์ 7 สมัยติดต่อกัน

นิโก้ โควิช ที่ฤดูกาลก่อนนำแฟร้งค์เฟิร์ตคว้าแชมป์เดเอฟเบ โพคาล เริ่มต้นกับบาเยิร์นได้สวยงามด้วยการคว้าแชมป์เยอรมัน ซูเปอร์ คัพ และเป็นการเอาชนะทีมเก่าของตัวเองไปขาดลอย 5-0 

"เสือใต้" ต้องเสียผู้เล่นตัวหลักในแดนกลางอย่าง อาร์ตูโร่ วีดาล ที่ย้ายไปร่วมทีม บาร์เซโลน่า แต่ได้  เลออน โกเร็ทซ์ก้า มิดฟิลด์ทีมชาติ เยอรมันของชาลเก้เข้ามาทำหน้าที่แทน ขณะที่ผู้เล่นดาวรุ่งที่สโมสรปล่อยให้ทีมอื่นยืมตัวไปใช้งานอย่าง เรนาโต้ ซานเชส และ แซร์จ นาบรี้ ก็กลับมาร่วมทีมอีกครั้ง 

ขุมกำลังของพี่เสือมีเปลี่ยนแปลงไม่มาก แนวรุกยังคงมี โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ หัวหอกทีมชาติโปแลนด์ที่คว้าตำแหน่งดาวซัลโวสูงสุดเมืองเบียร์ 3 จาก 5 ฤดูกาลหลังสุด เป็นหัวใจสำคัญ และเจ้าตัวเพิ่งกดแฮตทริกในเกมซูเปอร์คัพ 

เลวานดอฟสกี้ มีสถิติยิงไปทั้งหมด 180 ประตู ใน บุนเดสลีกา ตามหลัง เคลาดิโอ ปิซาร์โร่ เจ้าของสถิตินักเตะต่างชาติ ที่ทำประตูมากที่สุด ในประวัติศาสตร์ของ บุนเดสลีกา เพียงแค่ 12 ลูก และเชื่อว่าฤดูกาลนี้ เขาจะทำลายสถิติของ ปิซาร์โร่ ได้อย่างแน่นอน รวมทั้งมีลุ้นทำลายสถิติ จุ๊ปป์ ไฮย์เกส อดีตกุนซือ ''เสือใต้'' ที่ทำไว้ 220 ลูก มากที่สุดเป็นอันดับสามตลอดกาล อีกด้วย 

  ขณะเดียวกัน ในส่วนของเกมรับ ''เสือใต้'' จะได้ มานูเอล นอยเออร์ นายทวารมือหนึ่งของ เยอรมัน กลับมาเฝ้าเสาอีกครั้ง  หลังจากที่ฤดูกาลที่แล้ว นอยเออร์ ลงเฝ้าเสาเพียงแค่ 3 นัด ก่อนที่จะเจ็บยาว 


ชาลเก้

อันดับฤดูกาลก่อน : อันดับ 2 (63 คะแนน)

ดาวซัลโวฤดูกาล : กีโด้ บวร์กสตัลเลอร์ (11 ประตู) 

กุนซือ : โดเมนิโก้ เทเดสโก้


มาร์ค อูธ กองหน้าคนใหม่ของชาลเก้

รองแชมป์เก่า ต้องเสีย เลออน โกเร็ทซ์ก้า ไปให้ บาเยิร์น มิวนิค รวมถึง แม็กซ์ ไมเออร์ ที่ย้ายไปอยู่กับ คริสตัล พาเลซ แต่ก็แทนที่โดย ซาลิฟ ซาเน่ จาก ฮันโนเวอร์ เข้ามาเสริมเกมรับ และในแดนหน้าได้ มาร์ค อูธ หัวหอกจาก ฮอฟเฟ่นไฮม์ ที่ทำไป 14 ลูก ในฤดูกาล 2017/18 เข้ามาเติมเกมรุก 

  ในแดนกลาง ทีมได้ โอมาร์ มาสคาเรลล์ จาก แฟร้งค์เฟิร์ต และ ซูอัต แซร์ดาร์ จาก ไมนซ์ ทำให้พวกเขามีทีมที่แข็งแกร่งพอ ที่จะสู้ศึก บุนเดสลีกา และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ซึ่งในลีก พวกเขาน่าจะติด ท็อปโฟร์ ได้ไม่ยาก ส่วนอะไรที่มากกว่านั้น ถือว่าเป็น โบนัส 


ฮอฟเฟ่นไฮม์

อันดับฤดูกาลก่อน : อันดับ 3 (55 คะแนน)

ดาวซัลโวฤดูกาล : มาร์ค อูธ (14 ประตู) 

กุนซือ :  ยูเลี่ยน นาเกลส์มันน์


เควิน โฟ้กต์ หัวใจสำคัญในเกมรับของฮอฟเฟ่นไฮม์

ยูเลี่ยน นาเกลส์มันน์ เตรียมคุมทีมเป็นฤดูกาลสุดท้ายก่อนย้ายไป แอร์เบ ไลป์ซิก ในฤดูกาลหน้า และเขาก็หวังจะทิ้งทวนให้สวยงามแม้ฤดูกาลนี้จะยิ่งขึ้นแน่นอนเพราะทีมเสียตัวหลักอย่าง มาร์ค อูธ และ แซร์จ นาบรี้ ส่วนตัวใหม่ที่เข้ามามี เลโอนาร์โด้ บิตเท่นคอร์ต จากโคโลญจน์, ไอชัค เบลโฟดี้ จากเบรเมน และ โจลินตัน ที่กลับมาหลังปล่อยให้ทีมอื่นยืมตัว 

ฮอฟเฟ่นไฮม์ ได้อันดับที่ 4 และ 3 อย่างเหนือความคาดหมายใน 2 ฤดูกาลหลังสุด ดังนั้น ฤดูกาลนี้ อะไรก็เกิดขึ้นได้ สำหรับทีมที่มีกุนซือหนุ่มไฟแรงอย่าง นาเกลส์มันน์ และเครื่องมือชี้วัดได้ดีที่สุด คือเกมนัดเปิดสนาม ที่พวกเขาจะต้องบุกไปเยือน บาเยิร์น มิวนิค ทีมแชมป์เก่า 


ดอร์ทมุนด์

อันดับฤดูกาลก่อน : อันดับ 4 (55 คะแนน)

ดาวซัลโวฤดูกาล : ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง (13 ประตู)

กุนซือ : ลูเซียง ฟาฟร์


มาร์โค รอยส์ แบกเกมรุกให้ดอร์ทมุนด์จนหลังแอ่นแน่ฤดูกาลนี้

"เสือเหลือง" เคยเป็นคู่แข่งที่สูสีที่สุดของบาเยิร์น มิวนิค แต่ฤดูกาลที่แล้ว พวกเขาต้องลุ้นแทบตายกว่าที่จะได้ตั๋ว ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ขณะที่ฤดูกาลนี้ ทีมได้ ลูเซียง ฟาฟร์ เข้ามาเป็นกุนซือคนใหม่ซึ่งน่าจะทำให้มีความหวังมากขึ้น 

ทีมเสีย ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง ออกไปตั้งแต่กลางฤดูกาลก่อนและไม่ได้เซ็นสัญญาถาวรกับ มิชี่ บาตชูอายี่ ทำให้หลายคนวิตกกังวลในตำแหน่งกองหน้าตัวเป้าเพราะผู้เล่นใหม่ล้วนเป็นตำแหน่งอื่นไม่ว่าจะเป็น อับดู ดิอัลโล่, โธมัส เดลานี่ย์และ อักเซล วิตเซล ดีกรีทีมชาติเบลเยียมชุดอันดับ 3 ฟุตบอลโลก 2018 


เลเวอร์คูเซ่น

อันดับฤดูกาลก่อน : อันดับ 5 (55 คะแนน)

ดาวซัลโวฤดูกาล : เควิน โฟลลันด์ (14 ประตู) 

กุนซือ : ไฮโค แฮร์ริช


ห้างยาอุ่นใจได้มากขึ้นเมื่อ เลออน เบลี่ย์ ฝากอนาคตระยะยาวกับทีม

เลเวอร์คูเซ่น พลาดตั๋วยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก อย่างน่าเสียดายหลังมีแต้มเท่ากับ ดอร์ทมุนด์ และ ฮอฟเฟ่นไฮม์ แต่แพ้ในเรื่องประตูได้เสีย โดยนอกจากนายทวารมือหนึ่งอย่าง แบร์นด์ เลโน่ ที่ย้ายไปร่วมทีม อาร์เซน่อล แล้ว แกนหลักอย่าง เลออน เบลี่ย์, ยูเลี่ยน บรันด์ท และ ไค ฮาแฟร์ตซ์ ยังอยู่ครบ และได้ มิเชล ไวเซอร์ จากแฮร์ธ่า กับ เปาลินโญ่ จาวาสโก ดา กาม่า เข้ามาเสริม ทำให้พวกเขาตั้งเป้าอย่างน้อยที่การติดท็อปโฟร์  


ไลป์ซิก 

อันดับฤดูกาลก่อน : อันดับ 6 (53 คะแนน)

ดาวซัลโวฤดูกาล : ติโม แวร์เนอร์ (13 ประตู)

กุนซือ :  ราล์ฟ รังนิก


ติโม แวร์เนอร์ ต้องเค้นฟอร์มเก่งออกมาให้ได้มากกว่าฤดูกาลก่อน

แอร์เบ ไลป์ซิก เคยสร้างความฮือฮาคว้าตำแหน่ง "รองแชมป์" ในฤดูกาลแรกที่โผล่ขึ้นมาเล่นในบุนเดสลีกา ก่อนที่จะฟอร์มตกลงไปในฤดูกาลที่แล้ว เนื่องจากต้องทำศึกหนักในถ้วยยุโรปจนการจัดการภายในทีมมีปัญหาและขาดความสม่ำเสมอ 

ฤดูกาลนี้ แดนกลางของทีมอ่อนลงอย่างแน่นอนเมื่อเสีย นาบี เกอิต้า ไปให้ลิเวอร์พูล ส่วนในแดนหน้า ติโม แวร์เนอร์ และ เอมิล ฟอสเบิร์ก จำเป็นที่จะต้องเรียกฟอร์มเก่งจากฤดูกาล 2016/17 ที่ทำรวมกันในลีกได้ถึง 55 ลูกกลับมาให้ได้ 



ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด