:::     :::

ชัยชนะนัดแรกที่รอคอย

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ในความพยายามครั้งที่ 3 อูไน เอเมรี่ พาอาร์เซน่อลเก็บชัยชนะในพรีเมียร์ลีกได้สำเร็จ

ความปราชัยใน 2 นัดแรกต่อ แมนฯ ซิตี้ และเชลซี ก่อให้เกิดเสียงวิจารณ์จากกูรูประปราย แต่ส่วนใหญ่เข้าใจว่าทุกอย่างต้องใช้เวลาเพราะการเริ่มนับหนึ่งเป็นเรื่องยากเสมอ

ฟอร์มการเล่นโดยรวมก่อนแซงชนะเวสต์แฮมไม่ได้เหนือกว่าชัดเจนอย่างที่สกอร์สุดท้ายออกมา ยังมีอีกหลายส่วนที่ต้องปรับจูนกันพอสมควร 

ในการจัดทัพ เอเมรี่ เปลี่ยนทีมตำแหน่งเดียวด้วยการเรียก อารอน แรมซี่ย์ กลับมาเป็นตัวจริงเสียบแทนตำแหน่งของ เมซุต โอซิล ที่เขายืนยันว่า ''ป่วย'' 

จริงอยู่ว่า อาร์เซน่อล เล่นในเกมของตัวเองได้มากขึ้น แต่เหตุผลสำคัญก็คือคุณภาพของเวสต์แฮมเป็นคนละเกรดเมื่อเทียบกับ "เรือใบสีฟ้า" และ "สิงห์บลูส์" 

อาร์เซน่อลยังไม่สามารถขึงเกมบุกได้อย่างต่อเนื่อง หลายจังหวะเสียบอลง่ายและปล่อยให้เวสต์แฮมพาบอลเข้าถึงพื้นที่อันตรายได้บ่อยครั้ง

มานูเอล เปเยกรีนี่ กุนซือขุนค้อนอยู่ในสถานะคล้ายๆ เอเมรี่ คือต้องผสมผสานนักเตะใหม่หลายคนให้เข้ากับทรัพยากรที่มีอยู่แล้ว ซึ่งไม่ง่ายเลยเมื่อเทียบกับตอนคุมแมนฯ ซิตี้ ได้แชมป์เมื่อปี 2014  

3 จาก 4 แนวรับล้วนเป็นผู้เล่นหน้าใหม่ ไม่นับผู้รักษาประตูอย่าง ลูคัส ฟาเบียนสกี้ ที่เพิ่งย้ายมาเช่นกัน

ขุนค้อนชิงจังหวะขึ้นนำได้ก็จริง แต่ด้วยหลายอย่างที่ยังไม่ลงตัวก็ทำให้แผ่วปลายในท้ายที่สุด

เกมของอาร์เซน่อลดีขึ้นตอนเริ่มครึ่งหลังที่ส่ง อเล็กซองด์ ลากาแซตต์ ลงสนามตั้งแต่ออกจากห้องแต่งตัว 

ลากาแซตต์ยิงไม่ได้ก็จริง แต่มีส่วนร่วมในเกมรุกเกือบทุกจังหวะ สิ่งที่เห็นชัดคือความกระหายในการเล่น พยายามวิ่งเข้าหาบอลและสร้างพื้นที่ให้เพื่อนตลอด 

ตอนพลิกแซงนำต้องให้เครดิตอดีตหัวหอกลียงที่โฉบเอาบอลลงเล่นก่อนตวัดไปโดนตัว อิสซ่า ดิย็อป เปลี่ยนทางเข้าประตู และก่อนหน้านั้นก็ทำให้ ฟาเบียนสกี้ ต้องออกแรงเซฟไปแล้วกับลูกพลิกตัวยิงหน้าเขตโทษ 

หลายเดือนที่ผ่านมาไม่ใช่ช่วงเวลาที่ง่ายสำหรับลากาแซตต์ กับการเล่นในพรีเมียร์ลีก

ต้องโชคร้ายเจ็บหนักขณะที่กำลังเล่นได้ดี พอฟิตกลับมาก็ไม่ทันเวลาที่จะชนะใจ ดีดิเย่ร์ เดส์ชองส์ กุนซือทีมชาติฝรั่งเศส ทำให้หลุดโผชุดแชมป์โลกที่รัสเซียอย่างเสียดาย ออกสตาร์ตฤดูกาลใหม่ก็ตกเป็นสำรองของ ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง 

แต่ทุกครั้งที่ได้โอกาสลงมาในครึ่งหลังก็พยายามแสดงฝีเท้าออกมาอย่างเต็มที่จนหลายคนเชียร์ให้เอเมรี่ตัดสินใจเล่นหน้าคู่ไปเลยเพื่อให้ดาวยิงจากแดนน้ำหอมได้โชว์ของมากว่าที่เป็นอยู่

ผมเชื่อว่า เอเมรี่ไม่ได้นิ่งนอนใจกับข้อเสนอจากหลายฝ่าย เพียงแต่ว่าในช่วงแรกแบบนี้เขาอยากเห็นส่วนอื่น ''แน่น'' กว่านี้เสียก่อน 

อีกอย่างคือ มันอาจจะเสี่ยงเกินไปหากเล่นหน้าคู่ตลอดเพราะเกิดคนใดคนหนึ่งเจ็บขึ้นมาก็จะไม่มีสำรองที่คุณภาพใกล้เคียงกัน

ตัวเลือกสำรองอย่าง แดนนี่ เวลเบ็ค กับ เอ็ดดี้ เอ็นเคห์เทีย ยังถือว่าห่างชั้นอยู่มากเมื่อเทียบกับ โอบา และ ลากาแซตต์

สิ่งที่เอเมรี่ทำได้ดีอีกครั้งคือการเปลี่ยนตัวที่คิดเร็วทำเร็ว

ลากาแซตต์ ลงมาตั้งแต่ต้นครึ่งหลัง และคนที่ถูกถอดคือ อเล็กซ์ อิโวบี้ ซึ่งเงียบมากใน 45 นาทีแรก ทั้งที่เด่นพอสมควรในเกมกับเชลซีที่ยิง 1 จ่าย 1 


มัตเตโอ เกวนดูซี่ (ขวา) ยังทำได้ดีต่อเนื่อง

เรียกได้ว่าวัดกันที่ฟอร์มการเล่นจริงๆ นัดก่อนก็คือนัดก่อน เริ่มใหม่ก็ต้องว่ากันตามเนื้องานตรงหน้า

ส่วนเจ้าหนู มัตเตโอ เกวนดูซี่ ไม่ได้ฟอร์มแย่ลงเมื่อเทียบกับ 2 นัด แต่การถูกเปลี่ยนออกตั้งแต่ 10 นาทีแรกของครึ่งหลัง ก็เป็นสิ่งที่เข้าใจได้

เด็กหนุ่มวัยเพียง 19 ปี ผ่านเกมหนักใน 2 นัดแรก ร่างกายมีความล้าสะสมให้เห็น เพราะแทบจะวิ่งเป็นม้าอยู่คนเดียว การถูกเปลี่ยนออกไปพักเร็วน่าจะส่งผลดีสำหรับนัดต่อไป นอกจากนี้ ลูกัส ตอร์เรยร่า ยังได้โอกาสมากขึ้นการทำความคุ้นเคยกับพรีเมียร์ลีก 

กองกลางทีมชาติอุรุกวัยยังไม่สามารถรีดศักยภาพของตัวเองได้อย่างเต็มที่เพราะอยู่ระหว่างการปรับตัว ดังนั้นการได้ลงสนามบ่อยๆ จึงเป็นสิ่งที่ควรต้องมี

ตอร์เรยร่าจะเป็นคู่แข่งโดยตรงกับเกวนดูซี่ เพียงแต่ในช่วงแรกนี้ เกวนดูซี่ปรับตัวได้เร็วกว่า และสมควรได้โอกาสมากกว่า

ส่วนตัวผมมองว่า เกวนดูซี่อายุยังน้อย ตอนนี้ทำได้ดีเหลือเชื่อ แต่ในระยะยาวยังต้องพิสูจน์กันพอสมควร อีกอย่างหากถูกเข็นลงสนาม และแบกทีมจนเกินไปก็อาจส่งผลร้ายได้เช่นกัน เอเมรี่ผ่านงานโค้ชมาหลายปี และปั้นดาวรุ่งดีๆ มากมาย ก็รู้ดีอยู่แล้วว่าควรใช้งานอย่างไรถึงจะเหมาะสม

จากนี้ก็รอแค่ให้ตอร์เรยร่าจับจังหวะการเล่นให้ได้ เขาจะเป็นตัวเลือกที่ดีในแดนกลางแน่นอน และทำให้เอเมรี่ปรับทีมได้หลากหลายมากขึ้น หากนัดไหนต้องเน้นเกมรับ ก็สามารถส่งลงคู่กับเกวนดูซี่ไปเลย 

ในส่วนเกมรับยังไม่ดีขึ้นมากนัก การยืนตำแหน่งค่อนข้างหลวมเหมือน 2 นัดแรก เอคตอร์ เบเยริน มี 2 แอสซิสต์ในนัดนี้ แต่หลายจังหวะโดนแทงตัดหลังง่ายๆ ส่วน โซคราติส ปาปาสตาโธปูลอส กับ ชโคดราน มุสตาฟี่ ก็ยืนห่างกันเกินไป 

อาร์เซน่อลเสียประตูก่อนเป็นนัดที่ 3 ติดต่อกัน และต้องรอจนถึง 20 นาทีสุดท้ายถึงได้สัมผัสความรู้สึกของการขึ้นนำคู่แข่งเป็นครั้งแรกในฤดูกาล 

สมาธิในช่วงต้นเกมรวมถึงการยืนตำแหน่งของแผงแบ็กโฟร์ต้องกระชับมากกว่านี้ มันคงจะดีกว่าหากเป็นฝ่ายขึ้นนำก่อนบ้างเพื่อลดความกดดันและทำให้มั่นใจมากขึ้น


แจ็ค วิลเชียร์ กลับมาเยือนถิ่นเก่า แต่ปราชัยกลับไป

อูไน เอเมรี่ ยังต้องใช้เวลาในการปรับจูนทีมอีกพอสมควร งานที่ยากอยู่แล้วยิ่งยากขึ้น เมื่อตัวหลักหลายคนไม่ได้อยู่ในฟอร์มที่ดีนัก

ส่วนประเด็นของ โอซิล ถือว่าน่าสนใจ 

ข่าวที่อังกฤษโหมค่อนข้างแรงว่า เบื้องลึกเบื้องหลังแท้จริงในการหลุดโผนัดล่าสุดของโอซิล คือมีปากเสียงอย่างหนักกับเอเมรี่ ระหว่างซ้อมก่อนผละกลับบ้านก่อนใครเพื่อนเมื่อวันศุกร์

เรื่องนี้มีเพียง 2 ประเด็น...จริงหรือเท็จ

ถ้าเป็นกรณีแรก ก็ต้องยกมือเห็นด้วยกับการตัดสินใจของเอเมรี่ ที่แสดงให้เห็นถึงบทบาทและอำนาจหน้าที่ของการเป็นโค้ช

สิ่งที่สำคัญมากกว่าฝีเท้าคือ ''ระเบียบวินัย'' ยิ่งการทำงานร่วมกับคนอื่นยิ่งต้องมี โอซิลจะสำคัญตัวเหนือกว่าคนอื่นเพียงเพราะตัวเองเป็นซูเปอร์สตาร์อันดับหนึ่งของทีมไม่ได้ 

หน้าที่ของนักฟุตบอลคือเชื่อฟังคำสั่งโค้ช เพราะโค้ชคือคนที่สโมสรเลือกเข้ามาทำหน้าที่นำทีม และรับผิดชอบมากกว่าใครกับผลการแข่งขันที่เกิดขึ้น

เห็นด้วย ไม่เห็นด้วยอย่างไรก็ต้องรู้ขอบเขตของตัวเอง แสดงความเห็นได้แต่ต้องเหมาะสม และมีเหตุมีผล 

เอเมรี่ทำถูกแล้วในการตัดสินใจที่เด็ดขาด ไม่ให้ผู้เล่นคนใดคนนึงมีอภิสิทธิ์มากกว่าใคร 

สัปดาหก่อน อดีตกุนซือปารีส แซงต์-แชร์กแมง แสดงความเฮี้ยบออกมาให้เห็นแล้วที่ถอดโอซิลออกจากสนามตั้งแต่ยังไม่เข้า 20 นาทีสุดท้าย ซึ่งสกอร์อยู่ที่ 2-2 (ก่อนแพ้ 2-3) 

สถานการณ์แบบนี้ เราไม่ได้เห็นโอซิลออกจากสนามแน่ หากเป็นยุคของ อาร์แซน เวนเกอร์

เวนเกอร์ มองคุณภาพของโอซิลว่าลุ้นพาทีมชนะได้กับช่วงเวลาที่เหลือ 

ขณะที่เอเมรี่มองว่าเกือบ 70 นาทีในสนามถือว่านานพอแล้ว หากไม่มีบทบาทใดที่ส่งผลต่อรูปเกม ก็ควรหลีกทางให้คนอื่นได้โอกาส

แต่ถ้าประเด็นหลุดโผของโอซิลเป็นไปอย่างเอเมรี่บอกว่ามีอาการป่วย ไม่มีอะไรในกอไผ่อย่างที่นักข่าวนำมาแฉ ก็ยังไม่ได้หมายความว่าหากนัดหน้าฟิตสมบูรณ์แล้วจะการันตีตัวจริงทันที

2 นัดแรกที่เห็นโอซิลยังไม่ได้อยู่ในฟอร์มการเล่นที่ดี นอกจากหน้าที่หลักในการสร้างสรรค์เกมแรก สิ่งที่เอเมรี่คาดหวังไม่น้อยตั้งแต่เข้ามารับตำแหน่งคืออยากเห็นเพลย์เมกเกอร์เชื้อสายเติร์กทำงานให้หนักมากขึ้น 


ลากาแซตต์ และ โอบาเมย็อง ยังไม่ได้ออกสตาร์ตร่วมกันอย่างที่หลายคนอยากเห็น

ตรงนี้โอซิลยังไม่ผ่านมาตรฐานที่เอเมรี่ต้องการ และเป็นความท้าทายของกุนซือใหม่ด้วยว่าจะต้องทำอย่างไร เพื่อเค้นศักยภาพในตัวโอซิลออกมาให้ได้มากที่สุด

โอซิลมีฝีเท้า และเซนส์บอลที่ดีอยู่แล้ว แต่ปัญหาที่ผ่านมาคือ ความสม่ำเสมอในการเล่น ขณะที่ความกระตือรือร้นก็เป็นสิ่งที่หลายคนตั้งคำถามไม่น้อย

เอเมรี่ ต้องปรับจูนทั้งระบบโดยรวม และการจัดการตัวผู้เล่นบางคนให้อยู่ในร่องในรอย 

ชัยชนะนัดล่าสุดไม่ได้สวยงามนักในแง่ฟอร์มการเล่น แต่อย่างน้อยได้ "ปลดล็อก" นับหนึ่งซึ่งถือว่าสำคัญมากในช่วงเริ่มต้นการทำงานกับสิ่งแวดล้อมใหม่ๆ แบบนี้ 


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด