อีวาน ราคิติช ผ่านช่วงเวลาที่ต้องเลือกระหว่างการทำตามหัวใจ หรือ เดินตามกลิ่นเงินอันเย้ายวนมาหมาดๆ และที่สุดเขาก็เลือกทำในสิ่งที่มาจากเสียงเรียกร้องของหัวใจ ก่อนบอกปัดข้อเสนอที่ยากจะพบพานของ เปแอสเช ยักษ์ใหญ่เงินหนาจาก ลีกเอิง

ในยุคที่โลกลูกหนังไม่ต่างอะไรกับลูกฟุตบอลที่กลิ้งไปมาท่ามกลางกระแสเงินตราอันเชี่ยวกราก ราคิติช กลับมองเกียรติยศเป็นสิ่งสำคัญกว่า...ไม่ง่ายเลยที่จะมีใครคิดเช่นนี้ในปัจจุบัน 

วันนี้โชคดีเหลือเกินที่ นัมเบอร์โฟร์ ไปเจอบทสัมภาษณ์ของมิดฟิลด์รองแชมป์โลกที่พูดคุยกับสื่อสเปน ว่าแล้วเลยถือโอกาสนำมาแปลแลพเรียบเรียงให้แฟนๆ THSPORT ได้ติดตามอ่านกัน ซึ่งในนี้มีหลายแง่มุมที่น่าสนใจดีที่เดียวครับ.....

ถาม : ในที่สุดคุณก็เลือกที่จะอยู่กับ บาร์เซโลน่า ต่อไป แม้ว่าจะได้รับข้อเสนอครั้งสำคัญจาก เปแอสเช , ทำไมคุณถึงเลือกตัดสินใจแบบนี้ มันเกิดขึ้นตอนไหน ?

ราคิติช : มันไม่ได้มีช่วงเวลาที่แน่นอนหรอก แต่มันเป็นความคิดสะท้อนกลับต่อสิ่งที่เกิดขึ้น ตอนนั้นมีผู้คนมากมายพูดถึงผม แต่ด้วยความสัตย์จริง ผมมาอยู่ในจุดที่ไม่ต้องการจะรับฟังอะไรทั้งสิ้น ไม่อยากอ่าน ไม่อยากดู ผมคุยกับภรรยา และ เอเยนต์ของผม ก่อนที่จะตอบปฏิเสธกลับไป 

ถาม : อะไรสำคัญที่สุดสำหรับคุณ ? ครอบครัว,ฟุตบอล หรือว่า เงิน ? 

ราคิติช : ผมรับฟังความคิดเห็นภรรยา และฟังเสียงจากหัวใจตัวเอง ซึ่งมันบอกผมว่าผมรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้สวมเสื้อของ บาร์ซ่าการได้สู้เพื่อตราสัญลักษณ์นี้ (ตราสโมสรบาร์ซ่า) นับเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ นอกจากเรื่องเงินแล้ว ก็ไม่มีทีมไหนในโลกที่จะให้ผมได้มากไปกว่านี้  ลูกสาวผมพวกเธอมีความสุขกับชีวิตที่บาร์เซโลน่า คนโตเพิ่งเข้าโรงเรียนได้ 2 ปี และเธอกำลังมีเพื่อน ส่วนคนเล็กตอนนี้ก็เข้าเนอร์สเซอรี่แล้ว พวกเราอยู่สุขสบายกันที่นี่ การตัดสินใจครั้งนี้เป็นอะไรที่ง่ายดายมาก ผมภูมิใจที่ได้อยู่กับ บาร์ซ่า ต่อไป

ถาม : เข้าใจกันว่าตอนนั้นสโมสรยอมรับข้อเสนอจากทาง เปแอสเช ไปแล้วด้วย ?

ราคิติช : ใช่ มีการเข้าใจอย่างนั้น พวกเราพูดคุยกันและมองว่าอะไรคือสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับทุกฝ่าย ถ้าสโมสรยอมขายผม บางทีปฏิกิริยาผมอาจจะแตกต่างไปจากนี้ สิ่งสำคัญที่สุดก็คือเราทุกฝ่ายสามารถทำให้มันเวิร์คไปด้วยกันได้  ให้สิ่งที่มันจะดีสำหรับผมเป็นสิ่งที่จะดีสำหรับสโมสรด้วย แต่สิ่งสำคัญที่สุดก็คือพวกเราต้องการอยู่ร่วมกันต่อไป ผมรู้สึกได้ถึงความรักที่ผู้บริหารและแฟนบอลมอบให้ ด้วยเหตุนี้การตัดสินใจจึงออกมาอย่างรวดเร็ว

ถาม : ฤดูกาลเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้น แต่ดูเหมือนทุกฝ่ายจะเห็นพ้องต้องกันแล้วว่า แชมเปี้ยนส์ลีก คือเป้าหมายสำคัญสูงสุดของสโมสร,  มันคือการกลับไปทำผลงานให้ดีในเวทียุโรปอีกครั้งอย่างนั้นใช่มั๊ย ?

ราคิติช :  ใช่ แต่มันไม่มีประโยชน์อันใดเลยกับการเข้ารอบ 8 ทีมหรือ รองชนะเลิศแล้วจากนั้นก็ตกรอบ สิ่งสำคัญสำหรับเราก็คือการคว้าแชมป์มาครอง ที่นี่ ในทีม บาร์ซ่า แต่ละปีพวกเขามีเป้าหมายในการคว้าแชมป์ทุกแชมป์อยู่แล้ว เพียงแต่ว่าในช่วง 3 ปีหลังสุดมานี้ เราทำได้ไม่ดีนักใน แชมเปี้ยนส์ลีก

ด้วยเหตุนี้เราจึงมีความกระหายอย่างมากที่จะคว้ามันมาให้ได้ กระนั้นเราเองก็รู้ดีว่าเราไม่เคยเป็นแชมป์แชมเปี้ยนส์ลีกโดยปราศจากการคว้าแชมป์ลา ลีกา เลย 

ทุกอย่างเพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น เราทุกคนแค่พยายามทำให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ เอนจอยไปกับมัน สนุกไปกับมันและพยายามพัฒนาการเล่นในจุดต่างๆให้ดีขึ้นในแต่ละช่วงของฤดูกาล 

ถาม : บทบาทของคุณในทีมจะยังคงเป็นแบบเดิม หรือเราจะได้เห็นคุณเล่นเป็นมิดฟิลด์ตัวกลางไปตลอดเช่นนี้ ?

ราคิติช : นี่เป็นเรื่องที่เทรนเนอร์ซึ่งรู้จักตื้นลึกหนาบางของทีมดีที่สุดเป็นคนตัดสินใจ รู้ว่าพื้นที่ตรงไหนที่ทีมต้องการจะเล่น และอะไรคือสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับทีม สิ่งสำคัญที่สุดก็คือทำอย่างไรให้พวกเราเล่นแล้วออกมาดีที่สุด เราต้องการชนะในทุกๆเกมที่ลงสนาม และนักเตะทุกคนสามารถมอบสิ่งที่ดีที่สุดของตัวเองให้กับทีมได้ 

สำหรับในเคสของผม ไม่ว่าจะเป็นมิดฟิลด์คู่กลางหรือมิดฟิลด์ตัวข้าง(ในแบบมิดฟิลด์ 3 คน)  จะระบบ 4-4-2 หรือ 4-3-3  มันไม่สำคัญเท่าไหร่นักหรอก เพราะการได้เล่นกับ เลโอ เมสซี่ มันทำให้อะไรง่ายไปหมด เขา (เมสซี่) เล่นเป็นตัวฟรี และสามารถเคลื่อนไปทุกที่ในโซนของแนวรุก เขาสามารถเล่นได้ทั้งหน้าต่ำ หรือ ตัวริมเส้น รวมไปถึงถอยลงมารับบอลจากเซนเตอร์ฮาล์ฟ สิ่งสำคัญสำหรับทีมก็คือความสมดุลและทุกอย่างสามารถเดินหน้าไปได้ 

ถาม : บทบาทของ เอร์เนสโต้ บัลเบร์เด้ มีส่วนในการตัดสินใจครั้งนี้ของคุณมั๊ย ?

ราคิติช :  เหนือสิ่งอื่นใดก็คือความมั่นใจที่เขามีในตัวผม เขารู้ดีว่าเขาสามารถไว้ใจผมได้ ถ้ากระดูกผมจะต้องหักซักท่อนนึงยามลงเล่นในสนาม ผมก็พร้อมจำทำมันทันทีโดยไม่บ่นซักคำ เพื่อช่วยสต๊าฟและช่วยทีม 

การไว้ใจซึ่งกันและกัน คือความสำคัญเหนือสิ่งอื่นใด แน่นอนว่าการที่เทรนเนอร์ไว้ใจคุณ มันช่วยคุณได้มากจริงๆ 

ถาม : ในขั้นต่อไปนับจากนี้คือการให้สโมสรได้ตระหนักถึงคุณค่าของคุณและปรับปรุงสัญญาฉบับใหม่ให้ สโมสรควรจะขึ้นค่าเหนื่อยให้คุณใช่มั๊ย ?

ราคิติช : ไม่รู้ซิ ก็คงต้องมาดูกันว่าคุณจะเอาบทสัมภาษณ์นี้ไปถึงมือท่านประธานได้หรือเปล่า หรือคุณอาจจะทิ้งมันไว้ในห้องทำงานของเขา สิ่งสำคัญที่สุดก็คือเขารู้ว่าผมอยู่ที่นี่เหมือนกับเป็นบ้านของตัวเอง

พูดตรงๆเลยนะ ผมไม่อยากได้รับสัญญาทีดีขึ้นเพราะมาจากเหตุการณ์ครั้งนี้ แต่ผมอยากได้ด้วยเหตุผลว่าผมสมควรได้มันจริงๆมากกว่า

ถาม : แล้วจะต้องรออีกนานมั๊ย กว่าที่จะมีการพูดคุยกันถึงสัญญาฉบับใหม่ ?

ราคิติช : นี่เป็นสิ่งที่ผมพูดกับสโมสรไปแล้ว ทั้งก่อนและระหว่างฟุตบอลโลก มันควรจะเกิดขึ้นในเร็ววันนี้ แต่ก็นะ ไม่ได้จะกดดันอะไร ผมรู้ดีว่าสโมสรดูแลนักเตะของพวกเขาดีแค่ไหน และผมเองก็มั่นใจว่าท่านประธานจะโทรหาผมเร็วๆนี้ 

ถาม : ในช่วงเริ่มต้นฤดูกาล ยังไม่มีนักเตะใหม่คนไหนได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงเลย คุณมองการเสริมทัพในปีนี้ยังไงบ้าง ?

ราคิติช : การเล่นให้ บาร์ซ่า ไม่ใช่เรื่องง่าย มองจากภายนอกทุกอย่างมันเหมือนกับวีดีโอเกม ทว่ากับของจริงแล้วคุณต้องทำความเข้าใจในหลายสิ่งหลายอย่างที่แตกต่างจากทีมอื่นๆที่คุณเคยเล่นมาทั้งหมด  

เราต้องให้เวลากับพวกนักเตะใหม่ นักเตะทุกคนที่เข้ามาในปีนี้จะช่วยเหลือเราได้อย่างมาก อาร์ตูร์,ล็องเล่ต์,วีดัล,มัลคอม ทุกคนกำลังทำงานของตัวเองอย่างเต็มที่ และทีมก็ให้การต้อนรับพวกเขาอย่างยอดเยี่ยม

ถาม : ประเด็นเรื่องโอกาสแจ้งเกิดของนักเตะเยาวชนในทีมชุดใหญ่บาร์ซ่ายังคงมีการหยิบมาพูดถึงกัน ตรงนี้คุณมองอย่างไร ?

ราคิติช : ผมเองก็ภาวนาว่าให้ทุกๆ 2-3 ปี มีเจอร์เนเรชั่นอย่าง ปูโญล,ชาบี,อิเนียสต้า,เมสซี่,บัลเดส ก้าวขึ้นมาสู่ชุดใหญ่ แต่นั่นไม่ใช่เรื่องง่ายเลยเพราะระดับการเล่นของ บาร์ซ่า นั้นสูงมากแล้วเราก็ไม่มีเวลามาลองผิดลองถูกแล้วนั่งดูผลที่ออกมา 

คนที่จะขึ้นมาจะต้องเป็นนักเตะที่มีพรสวรรค์พิเศษกว่าใคร ถ้าหากทีมชุดใหญ่มีเลเวลที่ต่ำกว่านี้ก็คงจะง่ายสำหรับพวกเด็กๆ  ส่วนปัจจุบันพวกนักเตะเยาวชนที่มีแววก็มีอยู่หลายคน แต่พวกเขาต้องรู้จักอดทน และเราต้องให้เวลากับพวกเขา ตอนนี้เทรนเนอร์กำลังรอคอยที่จะให้โอกาสกับพวกเขาซึ่งมันเป็นสิ่งที่ดีมาก

                                        นัมเบอร์โฟร์ แปล&เรียบเรียง