:::     :::

2018 แห่งการเปลี่ยนแปลงของปืนใหญ่

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ในประวัติศาสตร์มากกว่าร้อยปีของอาร์เซน่อล ปี 2018 คืออีกปีของการเปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริง

อาร์แซน เวนเกอร์ อำลาสโมสรหลังคุมทีมมายาวนาน 22 ปี ก่อนเข้าสู่ยุคใหม่ภายใต้การนำของ อูไน เอเมรี่ เฮดโค้ชชาวสแปนิช 

โครงสร้างสโมสรมีการปรับเปลี่ยนมาต่อเนื่อง หลากหลายตำแหน่งถูกตั้งขึ้นเพื่อการบริหารงานรูปแบบใหม่

แต่แล้ว อีวาน กาซิดิช ประธานบริหารก็ทิ้งโปรเจกต์ที่วางเอาไว้ไปรับงานใหม่ที่เอซี มิลาน โดยสิ้นสุดตำแหน่งกับปืนใหญ่อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม ที่ผ่านมา 

ราอูล ซานเยฮี (Raul Sanllehi) จึงต้องโยกจากตำแหน่งผู้อำนวยการฟุตบอลมารับบท ''หัวหน้ากิจกรรมฟุตบอล''

ขณะที่ วีไน เวนเกตชาม (Vinai Venkatesham) เปลี่ยนจากตำแหน่งเจ้าหน้าที่การค้ามาเป็น ''ผู้อำนวยการจัดการ'' 

ผลงานในสนามกำลังถูกจับตามอง อาร์เซน่อล เริ่มต้นด้วยความพ่ายแพ้ใน 2 นัดแรก แต่หลังจากนั้นเก็บชัยชนะได้ 12 เสมออีก 1 ใน 13 นัดหลังสุด และกำลังมีเกมสำคัญกับลิเวอร์พูลรออยู่ในวันเสาร์นี้ 

แต่นอกเหนือกจากเกม 90 นาทีในสนามแล้ว ''ปืนใหญ่'' จะก้าวเดินไปทิศทางใดในยุคใหม่ที่มีการเปลี่ยนแปลงภายในสโมสรมากมายอย่างนี้

2 บิ๊กบอสใหม่คือคนที่ให้คำตอบได้ชัดเจนที่สุด  

*****

Q : ใครคือคนขับเคลื่อนอาร์เซน่อลในตอนนี้ ? 

วีไน : ราอูล และผมไม่ใช่หน้าใหม่ เรารู้จักกันเป็นการส่วนตัวมาแล้ว 5-6 ปีได้ โครงสร้างของสโมสรเป็นโครงสร้างของฟุตบอลยุคใหม่ ผมรับผิดชอบทุกอย่างนอกสนาม ขณะที่ราอูลจะดูแลเรื่องในสนาม นี่คือหนึ่งองค์กรที่มี 2 ผู้นำ เป็นการทำงานร่วมกันและเราคือทีมที่จะนำพาสโมสรก้าวไปข้างหน้า

ราอูล : ผมมีหน้าที่จัดการเรื่องธุรกิจของสโมสร หน้าที่หลักคือทีมชุดใหญ่ ส่วนอะคาเดมี่เป็นหน้าภารกิจสำคัญเช่นกันเพราะเราก็ต้องการนักเตะที่ตระหนักถึงคุณค่าของสโมสร 

 
วีไน เวนเกตชาม (ซ้าย) กับ ราอูล ซานเยฮี 2 แม่ทัพอาร์เซน่อล 

Q : มีการเปลี่ยนแปลงมากมายที่อาร์เซน่อลทั้งบทบาทของ อาร์แซน เวนเกอร์ ที่สิ้นสุดลง การจากไปของประธานบริหาร และตอนนี้ก็มีโครงสร้างใหม่ มันเป็นการเปลี่ยนแปลงที่มากไปหรือไม่?

วีไน : คุณพูดถูกที่ว่าเรามีการเปลี่ยนแปลงเยอะ เวลาที่ ราอูล และผมคุยกัน เราคุยกันถึง '' พัฒนาการ'' (Evolution) ไม่ใช่การ ''ปฏิวัติ'' (Revolution) นี่จึงไม่ใช่การพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ มันเป็นเรื่องการก้าวไปข้างหน้าและนำสโมสรกลับไปสู่ที่ที่เราต้องการนั่นคือ ลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีก และแชมเปี้ยนส์ ลีก ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วงเกี่ยวกับเรื่องนี้


Q : แล้วการจากไปของ อีวาน กาซิดิช ล่ะ ? คุณประเมินงานที่เขาทำในฐานะประธานบริหารไว้อย่างไร ?

ราอูล : ผมมาอยู่ที่สโมสรนี้เพราะ อีวาน กาซิดิช เขาคือคนที่อธิบายแผนงานต่างๆ ให้ผมรับรู้ นี่ไม่ใช่การปฏิวัติ เรากำลังเดินไปในทิศทางที่ถูกต้อง ผมมั่นใจอย่างที่สุดว่าช่วงเวลาดีๆ กำลังรอเราอยู่


Q : ผลงานในสนามของทีมตอนนี้ชนะมา 9 นัดติดต่อกัน (ก่อนเกมกับเลสเตอร์) จนทำให้แฟนบอลเริ่มส่งเสียง ''อาร์เซน่อลของเรากลับมาแล้ว'' ในเกมกับฟูแล่ม คุณรู้สึกได้จริงๆ หรือไม่ว่าบางสิ่งบางอย่างกำลัง ''คลิก'' เข้าด้วยกันอย่างลงตัวระหว่างผู้เล่นกับผู้จัดการทีมคนใหม่ ?

ราอูล : คำพูดของเฮดโค้ชเราคือ ทีละขั้น มันจะมีช่วงขึ้นและลง แต่ลุยได้สนุกแน่ เราทุกคนจะช่วยเหลือกันและกันเพื่อไปให้ถึงที่ที่เราต้องการ


Q : คุณทำงานที่บาร์เซโลน่ามานาน ต้องใช้เวลานานเพียงใดในการทำให้อาร์เซน่อลไปถึงระดับนั้นได้ ?

ราอูล : ผมไม่ต้องการเปรียบเทียบสโมสรนึงกับอีกสโมสร ตอนที่ผมมาร่วมงานอาร์เซน่อล ผมเห็นถึงคุณค่าที่แท้จริงของสโมสรในเวลารวดเร็ว ไม่มีอะไรต้องไปอิจฉาที่อื่น นี่คือหนึ่งในสโมสรระดับชั้นนำของโลก ผมได้รับการแสดงความยินดีจากทั่วโลกตอนที่ย้ายมาอาร์เซน่อล ผมมีความสุขอย่างมากเพราะรู้ว่าได้มาอยู่ถูกที่แล้ว 


Q : สิ่งหนึ่งที่แตกต่างระหว่างอาร์เซน่อลกับบาร์เซโลน่าคือ รูปแบบการเป็นเจ้าของสโมสร ที่บาร์เซโลน่าจะมีแฟนบอลของตัวเองเป็นเจ้าของ แต่อาร์เซน่อลตอนนี้อยู่ในมือคนคนเดียว แฟนบอลควรกังวลเกี่ยวกับการมีเจ้าของเป็นนักธุรกิจอเมริกันหรือไม่ ?

วีไน : ผมรู้จัก สแตน และ จอช โครนเก้ เป็นอย่างดี ครั้งล่าสุดที่เราเจอกันคือตอนที่ ราอูล และผมอยู่ที่ลอสแอนเจลีส เมื่อ 2 สัปดาห์ที่แล้ว ทั้งสองมีความมุ่งมั่นและแรงกระตุ้น 100 เปอร์เซ็นต์ในการนำสโมสรก้าวไปลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกและแชมเปี้ยนส์ ลีก อีกครั้ง นั่นคือเป้าหมายอันแท้จริงและทั้งคู่ก็ต่างตื่นเต้นกับโอกาสที่รออยู่ข้างหน้า พวกเขาคือคอกีฬาตัวจริง รักกีฬาและรักสโมสรแห่งนี้ ผมไม่คิดว่าจะมีสิ่งใดที่แฟนบอลของเราต้องกังวล เรารู้ว่าแฟนบอลคือเส้นเลือดของสโมสร ไม่มีพวกเขา เราก็ไร้ความหมาย การมีส่วนร่วมและรับฟังแฟนบอลคือหนึ่งในภารกิจหลักของเราสำหรับการก้าวไปข้างหน้า


อีวาน กาซิดิช โยกไปทำงานกับเอซี มิลาน

Q : สิ่งหนึ่งที่แฟนบอลพูดคุยกันคือเรื่องซื้อขาย คุณดำเนินการหลายดีลสำคัญใน 2-3 ช่วงตลาดนักเตะที่ผ่านมา จะมีเงินพร้อมใช้สำหรับตลาดเดือนมกราคมนี้หรือไม่ ? สามารถซื้อผู้เล่นชั้นนำแข่งกับทีมอื่นได้มั้ย ? และจะหาเงินให้ผู้จัดการทีมได้หรือไม่หากเขาต้องการซื้อกองหลังตัวกลางในราคา 50 ล้านปอนด์ ?

ราอูล : เรามีโมเดลธุรกิจพอเพียงที่แข็งแรงมาก และเราก็เชื่อว่าเราประสบความสำเร็จได้ด้วยโมเดลนี้ วันนี้ไม่ใช่วันที่เราจะลงลึกในรายละเอียดเกี่ยวกับแผนงานการซื้อขาย การตัดสินใจทุกอย่างเกี่ยวข้องกับผู้เชี่ยวชาญทุกคนที่นี่และเราจะตัดสินใจให้ถูกต้องเสมอสำหรับผลประโยชน์ระยะยาวของสโมสร 


Q : คุณจะเซ็นสัญญากับนักเตะใหม่ในเดือนมกราคมหรือไม่ ? แล้วพร้อมหรือยังสำหรับตลาดนักเตะรอบหน้านี้ ?

ราอูล : เราตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา เราติดตามตลาดซื้อขายและเฝ้ารอโอกาสที่อาจเกิดขึ้นอยู่เสมอ โดยปกติ ผมไม่ใช่แฟนตัวยงของตลาดหน้าหนาว ผมคิดว่าตลาดหน้าหนาวมีไว้สำหรับการแก้ปัญหาที่ไม่คาดคิด นี่ไม่ใช่กฎเกณฑ์ เป็นเพียงข้อปฏิบัติ เรามีทีมงานมืออาชีพในการติดตามตลาดซื้อขาย วิเคราะห์นักเตะและความเป็นไปได้ เฮดโค้ชนำปรัชญาที่เรามีและแนวทางการเล่นที่เราต้องการไปใช้ในสนาม หากเรามองเห็นโอกาส เราจะระดมสมองถกกันแน่นอน

 

Q : โค้ชต้องการอะไรในเดือนมกราคมหรือไม่ แล้วคุณจัดการให้ได้มั้ย ? 

ราอูล : เราจะพูดคุยกันหากมีสถานการณ์ แต่ตอนนี้เรายังไม่ได้เริ่มต้นในเรื่องนี้ (ตลาดหน้าหนาว) โดยหลักการแล้ว หากไม่มีอะไรที่พิเศษ ตลาดหน้าหนาวไม่ใช่หนึ่งในสิ่งที่เราต้องให้ความสนใจ 


อูไน เอเมรี่ กำลังทำงานของตัวเองได้อย่างดี

Q : ขอถามเกี่ยวกับ อารอน แรมซี่ย์ ทำไมเขากำลังไปจากสโมสร ? มันเป็นเรื่องเงิน หรือว่าผู้จัดการทีมไม่ต้องการเขา ?

ราอูล : ผมอยากจะเลี่ยงพูดคุยในกรณีเป็นรายบุคคล สิ่งหนึ่งที่ผมรับประกันคุณได้คือ การตัดสินใจเรื่องใดก็ตามเกี่ยวกับนักเตะนั้นล้วนผ่านการถกหาทางออกกันมาแล้ว พูดคุยกับมืออาชีพทุกคนที่เรามีเพื่อการตัดสินใจที่ดีที่สุด ไม่มีสิ่งใดได้ข้อสรุปเพียงชั่วข้ามคืน ทุกการตัดสินใจคำนึงถึงความสมเหตุผสมทั้งเรื่องของการแข่งขันในสนามและธุรกิจ ในท้ายที่สุด หน้าที่ความรับผิดชอบของเราคือสโมสร เราอยู่ที่นี่เพื่อนำอาร์เซน่อลไปอีกระดับและทุกการตัดสินใจก็เพื่อเป้าหมายดังกล่าว 

 

Q : หากเป็นเรื่องฟุตบอล ผู้จัดการทีมคือคนตัดสินใจคนสุดท้ายเสมอใช่หรือไม่ ?

ราอูล : ผมเชื่ออย่างแรงกล้าในโมเดลที่เรามี ผมเชื่อว่าสายตาหลายคู่ย่อมมองได้ชัดมากกว่าคู่เดียว หากว่าเรายึดหลักปรัชญาเดียวกัน มันก็เป็นเรื่องง่ายมากในการหาฉันทามติ ผมไม่ชอบพูดเกี่ยวกับการตัดสินใจครั้งสุดท้าย หรือการโหวต ผมอยากเห็นการถกเถียงร่วมกันเพื่อให้ได้การตัดสินใจอันเป็นที่สุดมากกว่า

****


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด