:::     :::

เมื่อความเศร้า เจอเราก่อนความสุข

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
คืนหนึ่งในฤดูหนาว ที่อบอ้าวไม่ต่างจากเดือนเมษา "ช้างศึก" กลุ่มใหญ่กำลังก้มหน้าหมดอาลัยตายอยาก

ลูกยิงของ อดิศักดิ์ ไกรษร เสก "ความเงียบที่ดังที่สุด" ในราชมังคลากีฬาสถานได้อย่างหมดจด

ผลเสมอไม่ดีพอให้พวกเขาได้ “ไปต่อ” และหยุดตัวเองไว้เพียงรอบตัดเชือก หมดโอกาสเข้าไปป้องกันแชมป์สมัยที่ 3 ติดต่อกัน

จากเสียงตัดพ้อ ความเศร้า คราบน้ำตา ถูกบอกผ่านสีหน้า แววตา และข้อความบนเฟซบุ๊ก แต่ในขณะเดียวกันอีกมุมหนึ่งของแฟนลูกหนัง เสียงก่นด่า ถากถาง เยาะเย้ย ต่างลอยมาไม่แพ้กัน

บทสนทนาหลังเกมจบลง “เดือด” ไม่ต่างจากสภาพอากาศในกรุงเทพ

เช่นเดียวกับผู้เขียนที่หลังจบการแข่งขัน ก็พบตัวเองนั่ง “ตักสุรา” เข้าลำคอ กับเพื่อนร่วมงาน มารู้สึกตัวอีกทีก็เกือบเช้า จนเพิ่งเจียดเวลามาปั่นคอลัมน์นี้


สิ่งหนึ่งที่ต้องยอมรับอย่างจริงจังคือ สองนัดที่พบ มาเลเซีย “ฟุตบอล” ของทีมชาติไทยแพ้ทัพเสือเหลืองอย่างสิ้นเชิง

เกมรุกไม่เฉียบ การเข้าทำขาดๆเกินๆ ขณะเกมรับประหนึ่ง “รถบัส” ที่ใช้ชูโรงในหนนี้ ก็ยังเว้าแหว่งมีข้อผิดพลาดให้เห็นตั้งแต่รอบแรก

รูปแบบแท็คติกที่ มิโลวาน ราเยวัช ซื้อมาใส่ในทัวร์นาเมนต์นี้ยัง “ไม่ดีพอ” ทั้งความสวยงาม ผลลัพธ์ และ เมื่อมันล้มเหลวก็ต้องรับให้ได้กับ “เสียงวิจารณ์” ที่ตามมาให้ได้    

คำถามต่อมาคือ ราเยวัช สมควรรับผิดชอบผลงาน ด้วยกา ตะเพิดตัวเองออกจากเก้าอี้หรือไม่ ?

คำตอบของผู้เขียนคือ “ไม่” เหตุผลเพราะ สมาคมฟุตบอลฯ แจงไว้ตั้งแต่ไก่ยังไม่ขันแล้วว่า การสอบภาคสนามจริง ราเยวัช อยู่ที่รายการ “เอเชียนคัพ”


แม้ผลงานในอาเซียนคัพจะน่าบัดซบ แต่เขาควรได้ทำทีมต่อตามที่สัญญาไว้ อีกทั้งการเปลี่ยน “ขงเบ้ง” กลางคันระหว่างเตรียมออกศึกใหญ่ คงไม่ใช่ผลดีสำหรับ ทีมชาติไทยแน่

หาก เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ หนนี้คือการ “ทดลองเกมรับ” (ที่ไม่ผานอย่างแรง) ฉะนั้น ฟุตบอลชิงแชมป์เอเชียที่กำลังจะผายมารับไม่นานนี้ คือตัวชี้วัดที่แท้จริงว่า ราเยวัช จะแก้สมการลูกหนังกองโตนี้ออกมาเช่นไร

ยิ่งกับทีมชาติไทยที่ “ไม่เคยผ่านรอบแรก” ในศึกลูกหนังชิงแชมป์เอเชียได้เลย (ไม่นับปี 1972 ที่ทีมชาติไทยได้อันดับ 3 ทว่าตอนนั้นมีทีมโม่แข้งเพียง 6 ชาติเท่านั้น)

ส่วนศัตรูร่วมสายอย่าง สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (เจ้าภาพ), อินเดีย และ บาห์เรน เองดูไม่หนักหนาสาหัสเท่าสายอื่น รวมถึงกฎกติกาการเข้ารอบ ที่ให้อันดับ 1 และ 2 รวมถึง อันดับ 3 ที่ดีสุด 4 ชาติ ได้ไปต่อ จึงเป็นโอกาสดีงามสำหรับทีมชาติไทย สำหรับการสร้างประวัติศาสตร์เข้ารอบเป็นหนแรก

ยังไม่นับรวมถึงการได้ 4 ผู้เล่นหลักอย่าง กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์, ธีราทร บุญมาทัน, ชนาธิป สรงกระสินธ์ และ ธีรศิลป์ แดงดา กลับมาคัมแบ็กด้วย

แต่ก็นั่นแหละ การหกล้มบนหน้าผาอาเซียน ครั้งล่าสุด อาจทำให้ตัว ราเยวัช และนักเตะเองหันมา “ทบทวนตัวเอง” ขนานใหญ่ หลังเกิดอุบัติเหตุลูกหนัง ว่าจะทำเช่นไรให้ “ช้างศึก” พร้อมที่สุด ก่อนเดินเข้าสู่กำแพงระดับ เอเชีย ในต้นปีหน้า

ทรงบอลรับลึก แท็คติก รูปแบบการเล่นชวนน่าเบื่อ จะยังคงอยู่เหมือนเดิม หรือจะถูกดัดแปลงเปลี่ยนเป็นอื่น ราเยวัช สามารถเนรมิตได้อย่างเต็มที่

เอเชียนคัพหนนี้จึงแทบไม่ต่างจากการ “เดิมพัน” ครั้งใหญ่ของ สมาคมฟุตบอลฯ รวมถึงตัว มิโลวาน ราเยวัช ซึ่งหากออกมาล้มเหลว (ตกรอบแรก) คงไม่ต้องมีคำเอื้อนเอ่ยใดๆอีก

คง “หมดเวลา” สำหรับ ราเยวัช อย่างแท้จริง

แต่หากทำได้ดี ผ่านเข้าไปถึงรอบลึก ผู้เขียนเชื่อว่าแฟนบอลเองจะลืม “ภาพจำ” ที่ไม่น่าจดจำในอาเซียนคัพ และเปลี่ยนจากความเศร้าเป็นการเสก “รอยยิ้ม” เปื้อนหน้าแฟนบอลชาวไทยได้

ในเวทีอาเซียน เราพุ่งชน “ความเศร้า” แต่หวังว่าเวทีใหญ่ที่กำลังจะมาถึง เราจะเจอกับ “ความสุข” บนโลกลูกหนังบ้าง

คืนหนึ่งในฤดูหนาว ที่อบอ้าวไม่ต่างจากเดือนเมษา "ช้างศึก" กลุ่มใหญ่กำลังลุกขึ้นสู้ต่อ


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด