สถานีต่อไปของ โชเซ่ มูรินโญ่
ก็ถือถูกใจแฟนบอล "ปีศาจแดง" ไม่น้อยที่ต้องการเห็นความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นในถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด หลังจากผลงานอันย่ำแย่ในช่วงหลังรวมถึงการปกครองที่ดูนักเตะจะไม่ได้ให้ความเคารพมากเท่าที่ควร
แม้ว่าจะมีเหตุผลอีกอย่างของการแยกทางเมื่อทางเจ้าของทีมอย่างตระกูลเกลเซอร์เตรียมตั้งผู้อำนวยการกีฬาซึ่งทาง โชเซ่ มูรินโญ่ มองว่าจะเข้ามาลดทอนอำนาจการซื้อ-ขายนักเตะของตัวเอง
สุดท้ายจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตามแต่ ปัจจุบันเทรนเนอร์ชาวโปรตุกีสกลายเป็นคนว่างงานไปแล้ว แต่ด้วยฝีไม้ลายมือก็คงต้องบอกว่ายังเป็นที่ต้องการของหลายสโมสรใหญ่
ด้วยประวัติการทำงานที่ผ่านมาต้องยอมรับว่าไม่มีที่ไหนที่ มูรินโญ่ ไปแล้วจะออกมามือเปล่านับตั้งแต่สร้างชื่อพา ปอร์โต้ ได้ถ้วยยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกมาครองในปี 2004 หลังจากนั้นชื่อของเขาก็ถูกยกให้เป็นหนึ่งในเทรนเนอร์ที่มีฝีมือมากที่สุดในโลก
ที่ ปอร์โต้ ระยะเวลาเพียงสองปีครึ่งในตำแหน่ง มูรินโญ่ พาทีมคว้าแชมป์ลีก 2 สมัย, โปรตุกีส คัพ, ยูฟ่า คัพ และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก อีกอย่างละสมัยก่อนจะกระโดดมารับงานคุม เชลซี ที่มีเงินถังอย่าง โรมัน อบราโมวิช หนุนหลัง
ที่พรีเมียร์ลีก อังกฤษนี่เอง แฟนบอลทั่วโลกได้รู้จักกับ "เดอะ สเปเชี่ยล วัน" ทำให้ฟุตบอลลีกแดนผู้ดีกลายเป็นโลกลูกหนังที่มีสีสันมากที่สุดในโลก ด้วยสไตล์การพูดที่แสบถึงทรวง พร้อมเปิดศึกกับทุกผู้คน แต่เขาไม่ได้เก่งเพียงแค่ปาก ฝีไม้ลายมือก็เป็นที่ประจักษ์เช่นกัน
2 แชมป์ลีก, 1 เอฟเอ คัพ, 2 ลีก คัพ และอีก 1 คอมมูนิตี้ ชิลด์ เข้ามาสั่นสะเทือนพรีเมียร์ลีกหลังจากที่ปล่อยให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กับ อาร์เซน่อล ขับเคี่ยวกันอยู่เพียงแค่สองทีมมาตลอด
แม้ว่าท้ายที่สุดจะแยกทางกันไปแต่แฟนๆของ "สิงห์บลูส์" รักและเทิดทูน มูรินโญ่ เปรียบเสมือนพระเจ้าที่ทำให้ทีมก้าวขึ้นมาเป็นขาใหญ่ไม่ใช่แค่ไหนประเทศแต่รวมถึงในเวทียุโรปจนถึงทุกวันนี้
ไม่ถึงหลังแยกทางกับ เชลซี ในปี 2007, มูรินโญ่ เข้ารับตำแหน่งนายใหญ่ของ อินเตอร์ มิลาน และช่วงเวลาสองปีในรั้วซาน ซีโร่ก็เสกความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ให้กับสโมสรด้วยแชมป์เซเรีย อา 2 สมัย, โคปปา อิตาเลีย 1 สมัย, ซูเปอร์โคปปา อิตาเลีย และที่ยอดเยี่ยมก็คือการคว้าถ้วยยุโรปมาครองในปี 2010
เทรนเนอร์ฝีปากกล้าข้ามไปอีกขึ้นกับการคุมทีม เรอัล มาดริด หลังอำลา "งูใหญ่" แม้จะไม่ได้ประสบความสำเร็จอะไรมากมายนัก แต่แชมป์ลา ลีกา, โกปา เดล เรย์ และ ซูเปร์โกปา เด เอสปันญ่า อย่างละสมัย ก็เป็นตัวการันตีความสำเร็จได้อยู่
มูรินโญ่ กลับมาอยู่กับรังเก่าอย่าง เชลซี อีกครั้งในปี 2013 แม้จะพาทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกมาครองได้อีกครั้งรวมถึงแชมป์เอฟเอ คัพ แต่การแยกทางกับทีมคราวนี้ทิ้งความย่ำแย่หลังพาทีมแพ้ถึง 9 จาก 16 เกมในฤดูกาล 2015/16
6 เดือนให้หลัง มูรินโญ่ ได้รับการแต่งตั้งเป็นนายใหญ่ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เปิดตัวด้วยการพาทีมคว้าแชมป์คอมมูนิตี้ ชิลด์ด้วยการเอาชนะ เลสเตอร์ ซิตี้ ก่อนพาทีมคว้าแชมป์คาราบาว ลีก คัพ และ ยููโรปาลีก มาครองได้สำเร็จ
แต่ฤดูกาลที่แล้วแม้ทีมจะคว้ารองแชมป์มาครองได้แต่มีคะแนนตามหลัง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทีมแชมป์ห่างถึง 19 แต้ม รวมถึงเกมชิงถ้วยเอฟเอ คัพก็พ่ายให้กับทีมเก่าอย่าง เชลซี ในที่สุดหลังความพ่ายแพ้ให้กับ ลิเวอร์พูล 1-3 ก็มีการประกาศแยกทางกับ "ปีศาจแดง"
อย่างน้อยเงินชดเชยระดับ 24 ล้านปอนด์หรือเหยียบ 1,000 ล้านบาทที่ได้รับมาก็เพียงพอให้คนอย่างเราๆได้อิจฉากันเล่นๆไป
ถึงวันนี้การว่างงานของ มูรินโญ่ แต่อาจจะมีกุนซือหลายคนที่เดือดเนื้อร้อนใจว่าตัวเองอาจจะตกเก้าอี้ได้ โดยเฉพาะบรรดาสโมสรดังแต่ผลงานไม่ดีนัก
ทาง อินเตอร์ มิลาน ทีมเก่าในอิตาลีออกมายืนยันหนักแน่นแล้วว่า ลูชาโน่ สปัลเล็ตติ เก้าอี้ยังแข็งแรง แต่ในโลกของฟุตบอลคุณไม่อาจจะที่คาดเดาอะไรได้เลย นักเตะที่เพิ่งต่อสัญญายังย้ายได้ โค้ชที่ได้รับการหนุนหลังหลายต่อหลายครั้งก็กระเด็นตกเก้าอี้มาแล้ว
ยิ่งสถานการณ์ของฝั่ง "งูใหญ่" ที่เพิ่งกระเด็นตกรอบยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกมา แถมผลงานในลีกก็ดูทีท่าว่าจะลุ้นแชมป์กับทาง ยูเวนตุส หรือกระทั่ง นาโปลี ได้ยาก อาจจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงกันบ้าง
เพราะทางแฟนบอล อินเตอร์ มิลาน ก็พร้อมที่จะอ้าแขนต้อนรับ โชเซ่ มูรินโญ่ อยู่แล้ว หรือที่ว่าบอร์ดจะลงมือเมื่อไรเท่านั้น
อีกทีมที่จะไม่มีชื่อไม่ได้เลยก็คือ เรอัล มาดริด ที่แม้จะเพิ่งเซ็นสัญญากับ ซานติอาโก้ โซลารี่ แต่มันก็ไม่ได้การันตีว่าจะได้อยู่ในตำแหน่งจนครบสัญญา
สถานการณ์ในลีกของทีมยังไม่ถือว่าดีอะไรจากการตามหลัง บาร์เซโลน่า ส่วนในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกผ่านเข้ารอบได้ตามศักยภาพที่เหนือกว่าคู่แข่งพอสมควร
โซลารี่ อาจจะยังมีเวลาอยู่จนจบฤดูกาลนี้เพื่อพิสูจน์ผลงานของตัวเองให้เป็นที่ประจักษ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อ ซีเนดีน ซีดาน พาทีมประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ กลายเป็นแรงกดดันไม่น้อย
และด้วยความที่เป็น ฟลอเรนติโน่ เปเรซ แล้วก็พร้อมที่จะสั่งเชือดเอาง่ายๆหากเห็นว่ามีอะไรที่ขวางหูขวางตา ซึ่งมีรายงานว่า เปเรซ เองมีการส่งข้อความหา มูรินโญ่ หลังจากโดนปลดจากตำแหน่ง แม้ไม่มีการเปิดเผยข้อความออกมา
ด้วยความเป็น "เรอัล มาดริด" ที่ต้องการเป็นเบอร์หนึ่งเสมอ นักเตะต้องชื่อดัง ทุกอย่างต้องอยู่ในสปอร์ตไลท์ มูรินโญ่ ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจทีเดียว
แต่ที่กล่าวมาข้างต้นเป็นสองทีมที่เจ้าตัวเคยรับงานมาก่อน ในบรรดา 5 ลีกใหญ่ของยุโรป มูรินโญ่ ผ่านงานในอังกฤษ, อิตาลี และ สเปน มาแล้ว เหลือแค่ในเยอรมันกับฝรั่งเศสที่ไม่ได้ไปทำงาน
สำหรับในเยอรมัน แน่นอนว่าในสถานการณ์ปัจจุบันนี้ บาเยิร์น มิวนิค ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจทีเดียว หลังจากผลงานของ นิโก้ โควัช ดูจะยังไม่เข้าตามเท่าไรนัก
แน่นอนว่าสำหรับ โชเซ่ มูรินโญ่ ที่คุมทีมระดับยักษ์ใหญ่มาตลอด จะขาดทีม "เสือใต้" แห่งมิวนิคไปได้อย่างไรกัน
บาเยิร์น มิวนิค ถือเป็นทีมที่พร้อมทั้งศักยภาพและกำลังเงิน เหมาะกับกุนซืออย่าง มูรินโญ่ ที่ต้องการความสมบูรณ์แบบและมีเงินให้ใช้สอยอย่างเต็มที่
ปีนี้จะเป็นปีที่ นิโก้ โควัช จะต้องมีแชมป์ติดมือให้ได้ โดยเฉพาะในบุนเดสลีกา หรือ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ซึ่งหากผิดพลาดไปมีความเป็นไปได้ไม่น้อยที่จะโดนตะเพิดออกจากทีมเพราะ บาเยิร์น คือที่ทีมต้องการคว้าแชมป์ในทุกปี
หากผิดพลาดไป ไม่แน่ว่าทีมอาจจะเลือกติดต่อ โชเซ่ มูรินโญ่ ให้เข้ามารับตำแหน่งเจ้านายคนใหม่ก็ได้
ส่วนในลีก เอิง ฝรั่งเศส มี ปารีส แซงต์-แชร์กแม็ง เป็นขาใหญ่ที่ยากจะโค่นล้มได้ ซึ่งปัจจุบัน โธมัส ทูเคิ่ล ทำหน้าที่นายใหญ่ได้อย่างยอดเยี่ยมอยู่แล้ว
แต่เราไม่ได้พูดถึง เปแอสเช ที่พร้อมอยู่แล้วและอาจจะไม่ต้องการ มูรินโญ่ แต่หมายถึง โมนาโก ที่กำลังเผชิญหน้ากับความย่ำแย่อยู่ในตอนนี้
จากเป็นแชมป์เก่าในปี 2016/17 และเป็นรองแชมป์เมื่อฤดูกาลที่แล้ว แต่ในปีนี้ โมนาโก กลับเผชิญกับฟอร์มที่ตกต่ำจนทำให้ เลโอนาร์โด้ ชาร์ดิม โดนปลดออกจากตำแหน่งก่อนที่จะแต่งตั้ง เธียร์รี่ อองรี รับงานแทน
ทว่าผลงานของทีมก็ไม่ได้ดีขึ้นอะไร อองรี พาทีมชนะเพียงแค่ 2 จาก 9 นัด ทำให้ทีมยังจมอยู่ในอันดับรองบ๊วยของตารางคะแนนปัจจุบัน ส่วนในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกก็กระเด็นตกรอบด้วยการเป็นบ๊วยของกลุ่มไปแล้ว
จากสิ่งที่เป็นอยู่ในตอนนี้มีความเป็นไปได้ว่าหากผลงานจะยังย่ำแย่ต่อไป ทีมก็เสี่ยงต่อการตกชั้น มีความเป็นไปได้ว่า เธียร์รี่ อองรี อาจจะอยู่ไม่ถึงจบฤดูกาล
แต่ก็ไม่แน่ว่า โชเซ่ มูรินโญ่ จะโอเคกับการรับเผือกร้อนแบบนี้รึเปล่า แต่เชื่อได้ว่าหากมีโอกาส โมนาโก ก็พร้อมจะได้อีกหนึ่งกุนซือชาวโปรตุกีสมานั่งเก้าอี้นายใหญ่หลัง ชาร์ดิม พาทีมประสบความสำเร็จมาแล้ว