:::     :::

เกิดมาเพื่อเป็นผู้รักษาประตู ... อลิสซอน เบ็คเกอร์ (ตอนจบ)

วันอาทิตย์ที่ 06 มกราคม 2562 คอลัมน์ Zero to Hero โดย บังคุง
2,416
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
เดินทางมาถึงตอนจบกับเรื่องราวชีวิตของอลิสซอน เบ็คเกอร์

" จากนั้น ผมเริ่มเล่นฟุตบอลระดับเยาวชนกับสโมสรอินเตอร์นาซิอองนัล ที่ตั้งอยู่ในปอร์โต้ อเลเกร นี่คือหนึ่งสโมสรใหญ่ของบราซิล ดังนั้น ผมต้องทำอะไรให้ถูกต้อง อย่างไรก็ตาม ผมกลับพบปัญหาอยู่ 1 อย่าง"

"ผมตัวเล็กเกินไป .... คุณคงเห็นแล้ว ผมเติบโตเป็นผู้ใหญ่ช้า ผู้รักษาประตูทั้งหมด โดยเฉพาะช่วงวัยเดียวกัน ต่างตัวสูง และแข็งแรงกว่าผมทั้งหมด เรามีการทดสอบในเรื่องของร่างกาย จากระดับ 1-5 เมื่อเพื่อนร่วมทีมของผมก้าวไปถึงระดับ 5 แล้ว ผมยังอยู่ระดับที่ 2 อยู่เลย มันไม่ได้เป็นเรื่องดีในการเล่นตำแหน่งผู้รักษาประตู คุณต้องตัวสูงคุณต้องกระโดสูง และคุณต้องป้องกันประตู กล่าวอีกแบบนึงคือ การเป็นคนตัวเล็ก มันไม่ส่งผลที่ดีนัก ผลสุดท้าย ผมก็ต้องตกเป็นตัวสำรอง"

"หลังจากนั้น อินเตอร์นาซิอองนัล ทำการเซ็นสัญญาคว้าตัวนายทวารคนใหม่เข้ามา โดยมาจากพัลไมรัส เขาทั้งตัวใหญ่ และแช็งแรงกว่าผม ตอนนั้นผมคิดในใจว่า -นี่เราต้องตกเป็นมือ 3 แล้วล่ะ- การเป็นนายทวารมือ 3 จะช่วยให้ผมก้าวไปติดทีมชาติบราซิล ได้อย่างไร ?"

"ผมเต็มไปด้วยข้อสงสัย จากนั้น ศึกไนกี้ คัพ ก็ผ่านเข้ามา มันเป็นรายการใหญ่สำหรับเด็กอายุ 14-15 เมื่อพี่ชายผมลงแข่งขัน เขาถูกโหวตให้เป็นผู้รักษาประตูยอดเยี่ยมของทัวร์นาเมนต์ พี่ชายผมมีถ้วยรางวัลนี้อยู่ที่บ้านด้วย ผมเฝ้ามองถ้วยรางวัลนั้น พร้อมกับคิดในใจว่า ผมอยากได้มันมาครองบ้าง"

"แต่เมื่อถึงเวลาจริง ผมกลับไม่ได้รับโอกาสลงเฝ้าเสา ผู้รักษาประตูอย่างอิเคร์ กาซิยาส และจานลุยจิ บุฟฟ่อน ต่างประเดิมทีมชุดใหญ่ ด้วยวัยเพียง 17 ปีเท่านั้น ผมอยากจะเป็นเหมือนพวกเขาบ้าง แต่ผมต้องรอนานแค่ไหนกัน มันจะเปิดขึ้นกับผมหรือไม่ ? มันช่างดูห่างไกลจากตรงจุดนั้น"

"อินเตอร์นาซิอองนัล เกิดความสงสัยว่า ผมมีปัญหาเรื่องการเจริญเติบโต หรือเป็นเพราะผมตัวเล็กแบบนี้อยู่แล้ว ผมคิดว่าพระเจ้าทรงเฝ้ามองผมอยู่นะ เพราะสโมสรตัดสินใจให้เวลาผมอีก 1 ปี เพื่อดูว่า ผมจะตัวโตได้มากกว่านี้หรือไม่ .... จากนั้น เทคนิคของผมดีขึ้นอย่างรวดเร็ว และสิ่งมหัศจรรย์ได้เกิดขึ้น ในรอบ 1 ปี ผมมีส่วนสูงจาก 170 มาเป็น 187 เซนติเมตร ซึ่งมันก้าวไปอยู่ในระดับที่ 4 ตอนนั้นเองที่ผมเริ่มมีร่างกาย และเทคนิคที่ดี ผู้คนเริ่มสังเกตเห็นมัน เกินที่ผมจะรู้ตัวเสียอีก"

"วันหนึ่ง, ตอนที่ผมอายุ 16 ปี และกำลังอยู่ที่ชายหาดร่วมกับผองเพื่อน ผมเช็คโทรศัพท์ของตัวเอง พร้อมกับมีสายที่ไม่ได้รับ 5 สายด้วยกัน ปลายทางมาจากคุณปู่ของผม ผมกลัวว่ามันจะเกิดเรื่องเลวร้ายขึ้น ผมคิดว่า อาจจะมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นกับครอบครัวของผม ผมโทรกลับด้วยความตกใจ พร้อมกับถามคุณปู่ว่าเกิดอะไรขึ้น หรือมีใครตายหรือเปล่า ? ก่อนที่คุณปู่จะตอบกลับว่า -หลานต้องกลับบ้านเดี๋ยวนี้ เพราะหลานถูกเรียกตัวติดทีมชาติบราซิล รุ่นยู17-"

"ผมแทบไม่เชื่อมันเลย เพราะคุณปู่ชอบเล่นตลกกับผมเสมอ ดังนั้น ผมต้องรีบกลับบ้าน เพื่อเช็คว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่ จากนั้น คุณลุงโทรมาหาผมบ้าง และพูดในแบบเดียวกันกับที่คุณปู่พูด ท่านบอกว่า -ขอแสดงความยินดีด้วยนะ- ตอนนั้น ผมก็ยังไม่เชื่อเต็มร้อย ผมคิดว่าพวกท่านต้องเล่นตลกกับผมแน่นอน ผมวิ่งเป็นเวลา 30 นาที จากชายหาดไปถึงบ้าน จากนั้น ผมเปิดคอมพิวเตอร์เพื่อเช็คข่าวผ่านทางเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของทีมชาติบราซิล หน้าเพจระบุว่า อลิสซอน เบ็คเกอร์ ถูกเรียกตัวติดทีมชาติบราซิล"

"มันเป็นเรื่องตลกนะ หากว่ามองย้อนกลับไป เพราะว่าทีมชุดนั้นมีคนที่คุณรู้จักในทุกวันนี้ อาทิเนย์มาร์ และคูตินโญ่ .... สิ่งต่างๆเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว กระทั่งปี 2013 ผมอายุครบ 20 ปี และได้ประเดิมทีมชุดใหญ่ของอินเตอร์นาซิอองนัล โดยหลังจากนั้น 2 ปี ผมก็ได้ประเดิมทีมชุดใหญ่ของทีมชาติบราซิล มันเป็นเกมที่เปลี่ยนแปลงชีวิตของผมเลย บางครั้งผมก็คิดว่า นี่เรามาอยู่ที่นี่แล้ว !!! ที่นี่คือทีมชาติบราซิล ผมกำลังไปเล่นฟุตบอลโลก มันคือปาฏิหาริย์ของพระเจ้า และทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมทำสำเร็จ ผมต้องขอขอบคุณพี่ชายของผม"

"คุณรู้อะไรมั้ย ? การที่ผมเล่นสโมสรเดียวกันกับพี่ชาย นำมาซึ่งการเปรียบเทียบอยู่เสมอ พวกเขาต่างพากันบอกว่า -อลิสซอน จะทำได้ดีเหมือนกับมูเรียล หรือเปล่านะ ?- บางคนตอบว่าใช่ และบางคนตอบว่าไม่ อย่างไรก็ตาม ผมไม่ต้องการเปรียบเทียบกับพี่ชายของตัวเองเท่าไหร่ พี่ชายของผมให้บางสิ่งบางอย่าง ที่ทำให้ผมอยากก้าวไปข้างหน้า"

"ในฐานะนักฟุตบอลอาชีพ ผมต้องการเปรียบเทียบกับคนที่อยู่เหนือกว่า ผมต้องการทำให้ดีกว่าเขา ทว่าพี่ชายของผมมีความสามารถที่สูงมาก และเขาไม่ต้องการแพ้ผมด้วย ส่งผลให้ที่อินเตอร์นาซิอองนัล เราต่างฝึกซ้อมกันอย่างหนัก มันเป็นแบบนั้นในทุกวัน พวกเราต่างไม่อยากด้อยกว่าอีกคนหนึ่ง เมื่อใดก็ตามที่ผมเหนื่อยล้า พี่ชายจะบอกผมเสมอว่า -เอาหน่อยน้องชาย เรามาลุยกันให้มากกว่านี้เถอะ- และเมื่อเขาเหนื่อยล้า ผมจะบอกเขาว่า -เอาหน่อยพี่ชายสุดแก่ มองมาที่ผม ผมยังเป็นเด็ก ที่อยากเอาชนะพี่นะ-"

"บางครั้ง มันก็ไม่ง่ายที่จะลืมว่า ผมเป็นคนที่โชคดีขนาดไหน สิ่งที่ผมไม่มีทางลืมเลย คือคนที่ทำให้ผมมาถึงตรงนี้ ผมไม่ได้เพียงเล่นเพื่อทีมชาติบราซิล แต่ผมกำลังเล่นเพื่อพี่ชายของผมด้วย ด้วยความสัตย์จริง ทุกครั้งที่ผมสวมใส่เสื้อทีมชาติบราซิล ผมคืดถึงภาพที่ผมกับพี่ชายฝึกซ้อมร่วมกัน หากพี่กำลังอ่านข้อความของผมอยู่ อยากบอกว่าทุกเซฟที่ผมเซฟที่รัสเซีย (ฟุตบอลโลก 2018) เป็นของพี่เช่นกัน ความสำเร็จของผม ก็คือความสำเร็จของพี่ เพราะพี่คือหนึ่งในเรื่องราวด้วย ผมขอบคุณจริงๆ"


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})