ตอนที่ปั่นต้นฉบับเรื่องนี้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยังไม่ได้ลงสนามดวลกับ ฮัดเดอร์สฟิลด์ เลยไม่รู้ว่าทิศทางการลุ้นพื้นที่ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาลต่อไปของ ปิศาจแดง จะจบลงตั้งแต่เกมรองสุดท้ายหรือได้ไปลุ้นต่อกับ คาร์ดิฟฟ์ ที่ โอลด์ แทรฟอร์ด สัปดาห์ต่อไป

นี่คือเป้าหมายเดียวที่เหลืออยู่ในซีซั่นนี้ของ ผีแดง และนั่นจะเป็นปัจจัยสำคัญกับการกำหนดทิศทางตลาดซื้อขายนักเตะใหม่มาสู่ทีม เพราะแค่คำว่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ก็สามารถดึงดูดนักเตะได้อย่างมาก

เรื่องราวการดึงนักเตะใหม่ถือเป็นเรื่องที่แฟนบอลปิศาจแดงทั่วโลกให้ความสนใจว่าทีมรักของพวกเขาจะเสริมทัพแบบไหน? ใครกันที่จะเข้ามา? (ใครกันที่จะออกไป?) และพวกเขาเหล่านั้นจะเข้ามายกระดับสโมสรได้จริงหรือไม่?

คำถามต่างๆมากมายผุดขึ้นมา ยิ่งช่วงหลายปีที่ผ่านมา ดูเหมือนว่า ยูไนเต็ด จะไม่ค่อยประสบความสำเร็จกับการลงทุนด้านนักเตะเท่าไหร่ แม้จะได้แข้งมีชื่อเข้ามา แต่ส่วนใหญ่ไม่สามารถรัดฟอร์มและแสดงผลงานอันเปรี้ยงปร้างออกมาได้

ยิ่งไปกว่านั้นด้วยการที่สโมสรจะมือเผล่าพลาดแชมป์เป็นดูกาลที่ 2 ติดต่อกันทำให้ทุกสายตาต่างจ้องมองไปที่ยักษ์หลับชื่อ 'แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด'

เป็นเรื่องที่ชัดเจนว่า 'แข้งใหม่' มาแน่นอน แต่ก็ต้องตามดูกันต่อไปว่าจะเป็นใคร และเป็นตามที่แฟนบอลเรียกร้องหรือไม่

ที่สำคัญไม่แพ้กันคือการกำหนดทิศทางการเล่นอันเป็นเอกลักษณ์ อันเป็นแบบฉบับของ ยูไนเต็ด ในยุค โอเล่ กุนนาร์ โซลชา เพราะหากเราไปส่องทีมใหญ่อื่นๆ พวกเขาจะมีการเล่นที่ชัดเจนและนั่นคืออาวุธเด็ดของพวกเขา

'รูปแบบการเล่นที่ดีที่สุด'

นั่นคือหนึ่งในคำถามที่ยิงตรงไปยัง โซลชา ในการแถลงข่าวก่อนเกมกับ เดอะ เทอร์เรียร์ส ซึ่งเป็นคำถามที่น่าสนใจไม่น้อย

เอกลักษณ์ รูปแบบ หรือ 'ดีเอ็นเอ' ถือเป็นสิ่งสำคัญในวงการฟุตบอล โดยเฉพาะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่สืบทอดการเล่นแบบเอนเตอร์เทนและฟุตบอลเกมรุกมาอย่างยาวนาน

สิ่งเหล่านี้หายไปตั้งแต่ เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ลงจากตำแหน่งนายใหญ่ปิศาจแดง กุนซือที่เข้ามาหลังจากนั้นพยายามจะปรับระบบให้เป็นไปตามที่พวกเขาต้องการแต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จสักรายเดียว (อาจะมี หลุยส์ ฟาน กัล และ โชเซ่ มูรินโญ่ ที่พาทีมคว้าแชมป์ แต่รูปแบบการเล่นก็ยังขัดใจแฟนผีพันธุ์แท้)

แล้วสำหรับ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ล่ะ? มันจะออกมารูปแบบไหน

"ที่ แมนฯ ยูไนเต็ด มันเป็นการเล่นเกมรุกเร็ว"

"มันเป็นการเล่นไปข้างหน้า วิ่งไปข้างหน้า ไล่ล่า การเอาบอลกลับมา ผมรักและชอบที่จะตั้งระบบ แต่มันยังไม่มีการทำงานในทิศทางนั้น"

"คุณได้เห็นทีมที่อยู่ด้วยกันมา 2 หรือ 3 ปี พวกเขารู้จักกันและกัน ความสัมพันธ์ระหว่างฝั่งขวา, ฝั่งซ้าย, กองหลังตัวกลาง"

"ในฐานะผู้จัดการทีมหรือโค้ชฟุตบอล คุณทราบว่ามีเวลามากมายที่คุณจะได้ทำงานในเรื่องความสัมพันธ์ มันจะดีขึ้นกว่าเดิม เพราะหลังจากที่คุณก้าวเข้าไปข้างหน้าทุกครั้ง ในตอนนี้ เราได้ตอบสนองไปยังฝ่ายตรงข้ามอย่างมาก และเราต้องการสร้างรูปแบบทั้งการมีและไม่มีบอล"

มันเป็นงานที่ โซลชา และทีมงานของเขาจะต้องหารือและปรับโครงสร้างในแบบที่พวกเขาอยากให้เป็น ใส่การเล่นตามแบบฉบับ แมนฯ ยูไนเต็ด และปลูกฝังความคิดของเขาลงไปในการเล่นของลูกทีม

สิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นในช่วงที่เรียกนักเตะกลับมาจากการพักผ่อน และเกิดขึ้นในช่วงเดินทางทัวร์ พรี-ซีซั่น ของ ปิศาจแดง

นี่คืองานสำคัญไม่ต่างจากการหานักเตะใหม่ การเตรียมทีมถือเป็นเรื่องที่สำคัญเพราะมันเป็นช่วงเวลาที่ โซลชา ต้องการอยากมากที่จะได้อยู่กับนักเตะ เรียนรู้พวกเขา และพยายามใส่ความคิดและแนวทางที่โค้ชต้องการอยากให้เป็น โดยมีโจทย์สำคัญคือการเล่นแบบ 'แมนฯ ยูไนเต็ด'

อีกหนึ่งเรื่องที่ โซลชา มักจะเอ่ยเสมอคือการพัฒนาความฟิตของนักเตะที่ต้องให้ได้แบบเต็มสูบ เต็มพลัง ชนิดที่วิ่งไม่มีหมดและสามารถเรียกพลังงานสำรองออกมาในยามจำเป็น

มันเป็นฟุตบอลที่ โซลชา คุ้นเคยและถูกสั่งสอนรวมไปถึงสั่งสมมาตั้งแต่ตอนเป็นนักเตะ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เข้าได้รับมาจาก 'เฟอร์กี้'

"คุณฟิตกว่าเดิม คุณก็สามารถทำอะไรได้มากกว่าเดิม ด้วยทักษะที่พวกเขามี ความฟิตที่พวกเขามีมากกว่าเดิม พวกเขาก็สามารถทำอะไรได้มากกว่าเดิม"

"มันเป็นองค์ประกอบที่สำคัญที่สุดที่ผมมี และหากคุณมองไปที่สถิติตลอดช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ผมไม่คิดว่าจะมีใครที่ประหลาดใจและตกใจกับพวกเขา"

"ดังนั้น เป็นเรื่องแน่นอนว่าเรากำลังจะสร้างความฟิตให้พวกเขา ไม่ได้จะเป็นเหมือนกับช่วง พรี-ซีซั่น แบบเก่าที่คล้ายกับค่ายทหาร อย่างที่ผมเคยพูดไป คุณต้องมีความเฉลียวกับทุกๆสิ่ง"

"เราต้องการการฝึกซ้อมที่ดีที่สุด วิธีการทำให้ผู้คนและนักเตะมีความพร้อมเมื่อถึงเวลาที่ฤดูกาลเริ่มต้น มันไม่ได้จะเป็นเหมือนอย่างที่คุณพูดว่าค่ายทหารใหม่ เพราะเราจะหาหนทางของการเล่น"

ชัดเจนในรูปแบบแต่วิธีการจะเป็นเรื่องของ โซลชาและทีมงานที่ต้องไปหารือหลังจากนี้

การกำหนดทิศทางถือเป็นสิ่งสำคัญไม่ว่าจะเป็นในวงการฟุตบอลหรือการทำอะไรก็ตาม เพราะมันเป็นเหมือนการกำหนดว่าเราจะดำเนินไปในทิศทางใด และต้องทำให้ทุกคนในทีมเข้าใจถึงสิ่งที่สโมสรต้องการ

การทำงานได้เริ่มต้นไปตั้งแต่วันแรกที่ โซลชา กลับมาในฐานะกุนซือรักษาการ แต่หลังจากนี้จะเป็นของจริงและเป็นช่วงเวลาที่ โอเล่ พร่ำบอกเสมอว่าเขารอคอยที่จะทำงานกับนักเตะอย่างเต็มที่

ช่วงเวลาที่สำคัญของทั้งสโมสร, โซลชา และนักเตะ อาจจะรวมไปถึงแฟนบอลที่รอดูว่ากุนซือชาวนอร์เวย์จะทำได้ตามที่บอกหรือไม่