ลีกใหญ่อย่าง ลาลีกา, บุนเดสลีกา, ลีกเอิง ถูกครอบครองรางวัลรองเท้าทองคำโดยตัวเต็งตั้งแต่ก่อนฤดูกาลจะเริ่มแล้ว แต่ยังมีอีกหลายๆ ลีกระดับกลางและเล็กที่น่าจับตามอง และจะเป็นบันไดสำหรับนักเตะที่คว้ารางวัลนี้ในการไต่เต้าสู่ลีกใหญ่ในซีซั่นหน้า เหมือนอย่างที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วเป็นประจำในอดีต

นี่คือเจ้าของรางวัลดาวซัลโวของลีกต่างๆ ในยุโรป (ตอนแรก)

ศูนย์หน้าทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์ เชื้อสายบอสเนีย ย้ายจาก แฟร้งค์เฟิร์ต ร่วมทีม เบนฟิก้า เมื่อปี 2017 และเกือบหมดอนาคตตั้งแต่ซีซั่นแรกที่ยิงเพียง 4 ประตูจาก 20 เกม แต่หัวหอกวัย 27 ปี ก็พลิกชะตาตัวเอง ยิง 23 ประตูจาก 29 เกม พาทีมครองแชมป์พรีเมร่า ลีกา และตนเองก็ได้รางวัลรองเท้าทองคำซีซั่นนี้ กลายเป็นแข้งสวิสคนแรกที่ยิงทะลุ 20 ประตูในลีกต่างแดน นับตั้งแต่ที่ อเล็กซานเดอร์ ฟราย ทำเอาไว้ฤดูกาล 2004-05

กองหน้าเนื้อหอมทีมชาติฝรั่งเศส ชุดแชมป์ฟุตบอลโลก 2018 ยิงกระจายนำโด่งแบบสบายๆ ตลอดฤดูกาล 2018-19 แต่น่าเสียดายที่จบซีซั่นเพียง 33 ประตู เพราะถูก โธมัส ทูเคิ่ล เทรนเนอร์ เปแอสเช พักใช้งานหลายเกมในช่วงท้ายซีซั่นที่ทีมคว้าแชมป์ไปแล้ว ทำให้พลาดลุ้นรองเท้าทองคำยุโรปแข่งกับ ลีโอเนล เมสซี่ ในบั้นปลาย ถึงกระนั้น การซัลโวแหลก 33 ประตู เพียง 29 เกม ทำให้ดาวยิงวัย 20 ปี ดีเกินไปสำหรับ ลีกเอิง แล้ว

ผลงานของ ซีเอสเคเอ มอสโก จบเพียงอันดับ 4 รัสเซียน พรีเมียร์ลีก ตามหลังแชมป์ เซนิต เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก ถึง 13 คะแนน แต่พวกเขาก็ยังมีศูนย์หน้า ฟีโอดอร์ ชาลอฟ ที่คว้าดาวซัลโวซีซั่น 2018-19 แม้ยิงไปจุ๋มจิ๋มเพียง 15 ประตู จากการลงเล่นครบทั้ง 30 นัด เอาชนะคู่แข่ง ซาร์ดาร์ อัซมูน ศูนย์หน้าอิหร่านของ เซนิต แค่สองประตู และน่าจะทำให้กองหน้าวัย 21 ปีได้รับโอกาสจากทีมชาติรัสเซียมากขึ้นในปีนี้

ออสเตรียน บุนเดสลีกา ซีซั่น 2018-19 จบลงแบบสบายๆ สำหรับ เร้ดบูลล์ ซัลซ์บวร์ก ที่ครองแชมป์ลีกเป็นปีที่ 6 ติดต่อกัน และเป็นแชมป์สมัยที่ 10 ในรอบ 13 ปีด้วย ขณะเดียวกัน รองเท้าทองคำ ก็ยังเป็นของคนเดิม โมอาเนส ดาบูร์ เจ้าของรางวัลที่ยิง 16 ประตูเมื่อซีซั่นที่แล้ว มาซีซั่นนี้ยิงเพิ่มเป็น 20 ประตู และทำให้ศูนย์หน้าอิสราเอล ที่เซ็นสัญญาล่วงหน้ากับ เซบีย่า ไปแล้ว รับรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมลีกออสเตรียซีซั่นนี้ด้วย

แม้ออกสตาร์ตฤดูกาลตามหลัง ปาโก้ อัลกาเซร์ ของดอร์ทมุนด์ กับ ลูก้า โยวิช ของแฟร้งค์เฟิร์ต แต่ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ก็ค่อยๆ ยิงให้ บาเยิร์น มิวนิค อย่างสม่ำเสมอ จนจบฤดูกาล 2018-19 ที่ 22 ประตู ครองแชมป์บุนเดสลีกา และคว้าดาวซัลโวปีที่ 2 ติดต่อกัน และเป็นการได้รางวัลนี้สมัยที่ 4 ในรอบ 6 ปีหลังด้วย (ครั้งแรกสมัยอยู่ ดอร์ทมุนด์) บางทีนี่อาจเป็นซีซั่นอำลาอย่างสมบูรณ์แบบของดาวยิงโปแลนด์วัย 30 ปี

กลายเป็นฤดูกาลที่ดีที่สุดของกองกลาง ไฮดุ๊ค สปลิท ที่จบซีซั่นด้วยการยิง 19 ประตูครองดาวซัลโวลีกโครเอเชีย ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยยิงในลีกแตะสองหลักมาก่อนเลย ส่งผลให้มิดฟิลด์เจ้าของส่วนสูง 5 ฟุต 10 นิ้ว ถูกเรียกติดทีมชาติโครเอเชียชุดใหญ่เป็นหนที่สองในวัย 27 ปี หลังจากเมื่อปี 2015 เคยถูกเรียกตัวครั้งแรกมาแล้วตอนเล่นเกมยูโร 2016 รอบคัดเลือก แต่ยังไม่ได้โอกาสประเดิมสนามแม้แต่นาทีเดียว

อายุไม่ใช่ปัญหาสำหรับ กีโยม โออาโร่ อดีตศูนย์หน้าทีมชาติฝรั่งเศส (5 นัด ปี 2010-2011) ในวัย 35 ปี ที่ยิง 18 ประตูจาก 20 เกม พา ยัง บอยส์ คว้าแชมป์สวิส ซูเปอร์ลีก แบบม้วนเดียวจบ และตนเองก็คว้ารางวัลรองเท้าทองคำด้วย หลังจากก่อนหน้านี้ป้วนเปี้ยนเกือบครองดาวซัลโวมาหลายฤดูกาลแล้ว เพราะนับตั้งแต่ย้ายจาก บอร์กโดซ์ ปี 2014 ก็ยิงสม่ำเสมอ 17 ประตู, 18 ประตู, 18 ประตู, 15 ประตู และ 18 ประตู ในฤดูกาล 2018-19

ฤดูกาลแรกนับตั้งแต่คู่แข่งอย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ย้ายไปเล่นในกัลโช่ เซเรีย อา ลีโอเนล เมสซี่ ก็ถูกมองว่าไร้คู่แข่งทั้งการลุ้นแชมป์ลาลีกา ดาวซัลโวลีก รวมถึงรองเท้าทองคำยุโรปด้วย และบทสรุปของฤดูกาล 2018-19 ก็เป็นไปตามคาดจริงๆ บาร์เซโลน่า ครองแชมป์ลาลีกาแบบสบายหายห่วง เช่นเดียวกับ เมสซี่ ที่ยิง 36 ประตูครองดาวซัลโวทิ้งห่าง คาริม เบนเซม่า กับ หลุยส์ ซัวเรซ ถึง 15 ประตู และยังสอย 'ยูโรเปี้ยน โกลเด้น ชู' อีกสมัยเป็นสมัยที่ 6 และเป็นการได้ 3 ปีติดต่อกัน เหนือคู่แข่งจากลีกเอิง คิลิยัน เอ็มบัปเป้ 3 ประตู