:::     :::

3 หัวหอกของฟรีที่(ยัง)พร้อมเฉิดฉาย

วันจันทร์ที่ 24 มิถุนายน 2562 คอลัมน์ เด็กเก็บบอล โดย ยักษ์เดนส์
2,169
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ขึ้นชื่อว่าของฟรีไม่ว่าใครก็อยากจะได้กันทั้งนั้น แต่อย่างว่า ในบางครั้งเราก็เคยได้ยินคำพูดที่แย้งกันว่า "ของฟรีไม่มีในโลก"

ก็อาจจะเป็นเช่นนั้น เพราะทุกอย่างล้วนมีค่าตอบแทนของมันอยู่กับสิ่งที่เราได้มา เราจะต้องเอาอะไรไปแลกมาก่อน หรือไม่ก็แลกกันทีหลัง

ในวงการลูกหนังแต่ละปีเราก็จะได้เห็นนักเตะย้ายทีมกันมากหน้าหลายตา ค่าตัวแพงบ้างถูกบ้างก็ว่ากันไป แต่ก็มีเสียงฮือฮาให้แฟนๆได้ตื่นเต้นกันอยู่เสมอ

อย่าง เอแด็น อาซาร์ แม้เราจะรู้กันอยู่แล้วว่ายังไงก็คงไม่พ้นเงื้อมมือของ เรอัล มาดริด แน่ แต่เมื่อการย้ายทีมลุล่วงจนเห็นการเปิดตัวก็อดที่จะใจเต้นรัวไม่ได้ เมื่อได้คิดถึงการเล่นในสเปนของสตาร์ทีมชาติเบลเยียม ที่จะปลุกให้ "ราชันชุดขาว" กลับมาต่อกรกับ บาร์เซโลน่า ได้รึเปล่า


คนที่ได้รับความสนใจในตลาดตอนนี้คงหนีไม่พ้น "3 ทหารเสือ" อย่าง เนย์มาร์, อองตวน กรีซมันน์ และ มัทไธส์ เดอ ลิกท์ ที่ยังต้องดูว่าอนาคตจะจบลงที่ไหน ซึ่งดูแล้วมีแค่รายหลังที่ใกล้ถึงบทลงเอย ส่วนอีกสองคนคงต้องรออีกสักพัก

สำหรับตอนนี้ก็ยังมีอีก "3 สิงห์" กองหน้าที่ยังไร้สังกัดอยู่ แต่สามารถย้ายทีมได้แบบไม่มีค่าตัวอีกด้วย

แม้ว่าจากชื่อชั้นแล้วอาจจะต้องจ่ายค่าเหนื่อยมากสักหน่อยแต่ผลงานที่พิสูจน์มาแล้วต้องบอกว่า "มีของ" ส่วนเรื่องประสบการณ์ไม่ต้องพูดถึงอยู่ในลำดับต้นๆของวงการเหมือนกัน

นี่คือกองหน้า 3 คนที่จะเข้าไปช่วยให้ทีมที่ได้ตัวไปร่วมทัพได้รับประโยชน์อย่างแน่นอน

แดนนี่ เวลเบ็ค


กว่า 11 ปีบนเส้นทางลูกหนัง แถมยังอยู่หนึ่งในลีกที่แกร่งที่สุดในโลกอย่างพรีเมียร์ลีก อังกฤษ น่าจะเป็นใบประกาศชั้นดีสำหรับการันตีความสามารถ

จากเด็กเอวบางร่างน้อย แดนนี่ เวลเบ็ค ค่อยๆยกระดับตัวเองขึ้นมาจนแทรกขึ้นมาอยู่ในทีมชุดใหญ่ของยอดทีมอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้สำเร็จ พร้อมกับก้าวไปติดทีมชาติอังกฤษอีกด้วย

ทีเด็ดของดาวยิงผิวสีรายนี้ก็คือความเร็วที่หาตัวจับยาก (ยามฟิตเต็มที่) ความคล่องตัว, การเล่นที่ฉลาด และสามารถเล่นในแนวรุกได้หมดไม่ว่าจะเป็นกองหน้าตัวเป้า เล่นตัวรุกริมเส้นทั้งซ้าย-ขวา

        

เวลเบ็ค จะมีประตูมาฝากแฟนๆอยู่เสมอ ถึงแม้ท้ายที่สุดจะต้องอำลาทีมที่เติบโตมาตั้งแต่เยาว์วัยอย่าง "ปีศาจแดง" แต่ทีมที่รับช่วงต่อก็ไม่ได้ด้อยไปกว่ากันก็คือ อาร์เซน่อล ที่ซื้อไปร่วมทีมด้วยค่าตัว 16 ล้านปอนด์

แต่ปัญหาสำคัญก็คือเรื่องอาการบาดเจ็บที่เล่นงานจนแทบจะเป็นการเจ็บเรื้อรัง ไม่มีปีไหนที่จะฟิตเต็มร้อยและยืนระยะยาวตลอดทั้งฤดูกาลเลย

นั่นทำให้ตัวเลขประตูของเจ้าตัวหยุดอยู่ที่เพียง 32 ลูกในระยะเวลา 5 ปีในถิ่นเอมิเรตส์ สเตเดี้ยม กระทั่งได้รับการยืนยันจากต้นสังกัดว่าทีมจะไม่ต่อสัญญา

ถึงตอนนี้ยังไม่มีสโมสรไหนที่ติดต่อมาอย่างเป็นทางการ แต่ตอนนี้ในวัยเพียง 28 ปีและร่างกายที่ดูท่าจะกลับมาสมบูรณ์เต็มที่พร้อมกอบกู้ชื่อเสียงกลับมาอีกครั้ง ใครได้ไปไม่ผิดหวังแน่นอน

มาริโอ บาโลเตลลี่


ดาวยิงที่ไม่สามารถทะลุขึ้นไปถึงคำว่า "เวิลด์-คลาส" ซึ่งน่าจะมาจากปัญหานอกสนามซะมากกว่า

ที่ผ่านมา มาริโอ บาโลเตลลี่ อยู่ในสมรภูมิมาอย่างโชกโชนทั้งในสนามและนอกสนาม ต้องบอกว่าตั้งแต่เริ่มต้นอาชีพ สตาร์วัย 28 ปีรายนี้ค้าแข้งกับทีมชั้นนำมาตลอด

จากเด็กน้อยที่เริ่มต้นกับ ลูเมซซาเน่ ก่อนมาสร้างชื่อเสียงในการค้าแข้งกับ อินเตอร์ มิลาน, 3 ปีในถิ่นจูเซปเป้ เมอัซซ่า, บาโลเตลลี่ กดไป 28 ประตูจาก 86 เกม พร้อมกับช่วยทีมคว้าแชมป์กัลโช่ เซเรีย อา 3 สมัย, โคปปา อิตาเลีย 1 สมัย, ซูเปอร์โคปปา อิตาเลีย 1 สมัย และยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกอีก 1 สมัย 

นั่นทำให้ โรแบร์โต้ มันชินี่ ที่คุม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ยอมจ่ายเงินเฉียด 20 ล้านปอนด์เพื่อซื้อตัวมาร่วมทีม ช็อตเด็ดกับการค้าแข้งที่พรีเมียร์ลีกกับทีม "เรือใบ" ก็คือการยิงประตูใส่ แมนฯ ยูไนเต็ด ในเกมที่บุกชนะถึงโอลด์ แทรฟฟอร์ด 6-1 พร้อมถกเสื้อโชว์ข้อความ "Why always me?" หรือแปลเป็นไทยแบบน่ารักว่า "ทำไมต้องเป็นเค้าตลอดเลย?"


แต่สุดท้ายก็ลายออกสร้างปัญหาจน แมนฯ ซิตี้ ไม่เอาจนโดนขายให้ เอซี มิลาน ต่อด้วย ลิเวอร์พูล จนมาถึง นีซ และ โอลิมปิก มาร์กเซย ในปัจจุบันที่เซ็นสัญญากันเพียงแค่ 6 เดือนเท่านั้น

ที่ฝรั่งเศสนี่เองที่ บาโลเตลลี่ กลับมาดูจะเป็นคนเก่าอีกครั้งหลังทะลวง 43 ประตูจาก 76 เกม ซึ่งต้องบอกว่าเยี่ยมเลย ส่วนกับ "โอแอ็ม" ก็ยิงไป 8 ลูกจาก 12 เกม ก็ต้องบอกว่าน่าประทับใจ

หลังความผิดหวังในช่วง 4-5 ปีก่อนมาเล่นในลีกน้ำหอม ได้รับการจัดการให้เข้าที่เข้าทาง ถึงตอนนี้เจ้าตัวกลายเป็นนักเตะที่สามารถย้ายไปร่วมทีมไหนก็ได้แบบฟรีๆ แม้ค่าเหนื่อยอาจจะสูงหน่อย แต่ต้องบอกว่าคุ้มแน่

ถ้าไม่มีปัญหาเรื่องนอกสนามต้องยอมรับว่าเขาคือหนึ่งในกองหน้าที่อันตรายที่สุดคนหนึ่งเหมือนกัน

แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์


ถือเป็นกองหน้าที่ได้รับความโชคร้ายอยู่เสมอจากอาการบาดเจ็บ ขัดกับพรสวรรค์และฝีเท้าที่มีอยู่ในตัว ทำให้บ่อยครั้งไม่สามารถแสดงศักยภาพออกมาอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย

จากเด็กปั้นของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก่อนย้ายมาอยู่ เชลซี แม้จะมีผลงานที่ไม่ธรรมดาแต่ด้วยการที่ "สิงห์บลูส์" ภายใต้เม็ดเงินของ โรมัน อบราโมวิช ทำให้ทีมไม่ได้ใช้กองหน้าอังกฤษรายนี้อย่างเต็มที่เท่าไรนัก นำมาซึ่งการย้ายมาอยู่กับ ลิเวอร์พูล ในเดือนมกราคมปี 2013 

แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ ตอกกลับทุกเสียงวิจารณ์ที่มีต่อตัวเขาด้วยผลงานอันยอดเยี่ยม 10 ประตูจาก 14 เกมในช่วงครึ่งซีซั่นหลังของฤดูกาล 2012/13 ตามด้วยในปี 2013/14 ที่ตะบันอีก 21 ลูกจาก 29 เกม


ทว่านับตั้งแต่เข้าสู่ซีซั่น 2014/15 กองหน้าทีมชาติอังกฤษเจอกับอาการบาดเจ็บเล่นงาน และบ่อยครั้งใช้ชีวิตในห้องพยาบาลมากกว่าในสนาม จนหลายคนคุ้นเคยภาพที่เขามักจะมีอาการบาดเจ็บอยู่ตลอด และลืมภาพความยอดเยี่ยมในการพังประตูไปหมด

แม้จะไม่ได้ลงเล่นมากนัก แต่ก็ยังมีพังประตูมาให้แฟนบอลได้เฮอยู่บ้าง แต่ด้วยความไม่ต่อเนื่องนี้ทำให้ เจอร์เก้น คล็อปป์ เริ่มเบื่อและในที่สุดเจ้าตัวก็ไม่ได้รับการต่อสัญญาที่กำลังจะหมดในช่วงสิ้นเดือนมิถุนายนนี้

ดูเหมือนว่าสภาพร่างกายตอนนี้จะกลับมาดีอีกครั้ง และเชื่อได้ว่าเขาจะสามารถกลับมายืนหยัดในเส้นทางลูกหนังได้อีกแน่ในปีหน้า


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด