จริงๆ เรื่องราวมันก็เริ่มมีมาตั้งแต่ตอนที่ แมนฯ ยูไนเต็ด สิ้นสุดความทรมานในการตามล่าตัว วาน-บิสซาก้า มาจาก คริสตัล พาเลซ ได้สำเร็จด้วยค่าตัว 50 ล้านปอนด์

    ทว่าคนที่จุดไฟให้แรงขึ้นก็คงหนีไม่พ้น พอล พาร์เกอร์ อดีตปราการหลังของทีมผีแดง

    "ผู้คนมักพูดถึงเด็กหนุ่มคนนั้นของ ลิเวอร์พูล กัน แต่ผมมองว่าเขาเล่นเกมรับได้ไม่ดีเหมือน วาน-บิสซาก้า ซึ่งเป็นผู้เล่นที่เด่นเรื่องเกมรับ และยืนตำแหน่ง" พาร์เกอร์ กล่าว

    "เขามีหัวใจในการเล่นเกมรับ เขารักการเล่นเกมรับ และในทุกๆ ครั้งที่มีการเข้าเสียบสกัดบอล คุณก็มั่นใจได้เลยว่าเขาจะเป็นผู้ชนะมันอย่างใสสะอาด"

    "ผมตัดสินเขาในฐานะของอดีตกองหลังคนหนึ่ง และก็เชื่อว่าเขาคือแบ็คขวาเบอร์ 1 ของพรีเมียร์ลีกในชั่วโมงนี้"

    นั่นร้อนไปถึงโลกโซเชียล โดยเฉพาะฝั่งของแฟนบอลหงส์แดงที่ไม่เห็นด้วยสุดขีด

    วาน-บิสซาก้า วัย 21 ปีเดินตรงสู่ทีมชุดใหญ่ในถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เพื่อแทนที่ อันโตนิโอ วาเลนเซีย และกระโดดถีบ แอชลี่ย์ ยัง ไปติดสนับก้นบนม้านั่งสำรอง

    การย้ายทีมด้วยเงินจำนวนมหาศาลของเขาเหมือนเป็นการกระตุ้นเร่งปฏิกิริยาสำหรับการถกเถียงที่ดุเดือดของสาวกผีแดง และเด็กหงส์

    ด้วยการที่แบ็กขวาวัย 21 ปีสลับฝั่งจากเซาธ์ลอนดอนมาสวมเครื่องแบบคู่อริตัวเอ้ของ ลิเวอร์พูล ทำให้การเปรียบเทียบระหว่าง วาน-บิสซาก้า กับ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ เกิดขึ้นโดยที่พวกเขาก็อาจไม่ได้อยากให้เป็นแบบนั้น

    เด็กหนุ่มจากอังกฤษทั้งสองคนกำลังเผชิญหน้ากับสถานการณ์ที่สร้างให้พวกเขากลายเป็นศัตรูต่อกันอย่างสมบูรณ์แบบ ไม่ต่างจากเวอร์ชั่นของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ กับ ลีโอเนล เมสซี่

    ตอนนี้สิ่งที่แฟนของทั้งสองทีมสนใจก็คือการจับผิดไปยังแบ็กขวาของฝั่งตรงข้าม หากใครเกิดพลาดท่าล้มเหลว หรือเกิดรอยตำหนิสักเล็กน้อยรับรองได้ถูกเยาะเย้ยอย่างแน่นอน

    หัวข้อที่ร้อนแรงจากสื่อโซเชียลทั้ง ทวิตเตอร์ หรือ เฟซบุ๊ค คือการยกเอาสถิติของพวกเขาจำนวนมากมาประชันกันพร้อมเปิดโพลถามว่าใครเป็นผู้เล่นที่ดีกว่า

    มีโอกาสน้อยมากที่โลกจะสงบสุขลง เพราะในวงการลูกหนังนั้น แฟนๆ ต่างก็ถูกบังคับให้ถือหางในสีเสื้อของตัวเอง ไม่เว้นแม้แต่นักเตะคนใดคนหนึ่งด้วย ในบางครั้งมันรุนแรงกับตัวของบุคคลมากกว่าสโมสรเสียด้วยซ้ำ

    ย้อนกลับไปในยุคสมัยของ สตีเว่น เจอร์ราร์ด กับ แฟร้งค์ แลมพาร์ด นั่นคือสองแข้งประสบความสำเร็จที่ยังไม่สามารถหาคำตอบได้ถึงตอนนี้ว่าใครเก่งกว่าใคร พูดง่ายๆ ก็คือมีกองเชียร์จำนวนน้อยมากที่ชื่นชมคนหนึ่ง โดยที่ไม่ได้ลดคุณค่าของอีกคนหนึ่งให้ด้อยลงไป

    ความยุ่งเหยิงนี้ยังติดตามไปถึงอาชีพหลังเกษียณของพวกเขาก็คือการทำหน้าที่ผู้จัดการทีม สาวกเหล่านั้นยังคงแบ่งว่าตัวเองเป็น 'ทีมแลมพาร์ด' หรือไม่ก็ 'ทีมเจอร์ราร์ด'

    ด้วยธรรมชาติที่ผันผวนไปของแฟนฟุตบอลยุค 5จี ไม่ต้องสงสัยเลยว่าความคิดเห็นเกี่ยวกับทั้ง AWB และ TAA เป็นไปในทิศทางคล้ายกัน

    ทั้ง ทวิตเตอร์ และ เฟซบุ๊ค ของทั้ง ลิเวอร์พูล กับ แมนฯ ยูไนเต็ด จะเปลี่ยนไปอย่างมากในฤดูกาลนี้ตลอดนับจบซีซั่น เนื่องจากฐานของกองเชียร์ทั้งคู่พยายามที่จะพิสูจน์ว่าชายผู้สวมเสื้อทีมพวกเขานั้นดีกว่าอีกคนหนึ่ง ขณะที่ผลการแข่งขันของทีมอาจกลายเป็นอันดับสองรองลงไป

    แม้ วาน-บิสซาก้า จะมีอายุมากกว่าดาวเตะแห่งเมอร์ซี่ย์ไซด์หนึ่งปี แต่มันก็ค่อนข้างแฟร์ที่จะบอกว่าดาวเตะตัวใหม่ของผีแดงมีพื้นฐานสำคัญที่จะผลักดัน เทรนท์ ทั้งในระดับสโมสร และทีมชาติ

    ด้านเด็กหนุ่มจากเวสต์ดาร์บี้ในเมืองลิเวอร์พูลก็มีดีกรีถ้วยแชมเปี้ยนส์ลีกในขณะที่ตัวเขาเองอายุเพิ่งจะ 20 ปีเท่านั้น และด้วยวัยขนาดนี้ย่อมเป็นอนาคตสำคัญต่อแผนงานของ แกเร็ธ เซาธ์เกต อย่างแน่นอน

    ขณะที่การย้ายไปยังถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ของ วาน-บิสซาก้า ก็ทำให้เขาได้มีโอกาสพิสูจน์ตัวเองกับทีมระดับ 'ท็อปซิกซ์' และลดช่องว่างระหว่างเขากับคู่แข่งสำหรับการก้าวไปติดทีมชาติอังกฤษชุดใหญ่เสียที

    นอกจากข้อถกเถียงของบรรดาสาวกบ้านเรารวมถึงทั่วโลกแล้ว ที่อังกฤษก็ยังไม่เว้นการบลัฟเรื่องของสองแข้งดังกล่าวเลยทั้งที่พวกเขาควรจะมีความสุขมากกว่ากับการได้เห็นสองแบ็กขวามากพรสวรรค์ที่สุดในโลกก้าวขึ้นมาในเวลาเดียวกัน

    เชื่อเถอะไม่ต้องไปหาคำตอบ หรือยกสถิติต่างๆ มาอ้างหรอกว่าทั้ง เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ หรือ อารอน วาน-บิสซาก้า ใครดีกว่าใคร

    เพราะพวกคุณต่างก็มีคำตอบนั้นอยู่ในใจกันหมดแล้ว

    พาสต้า