ชีวิตการเป็นโค้ชกับ "ชาบี เอร์นานเดซ"
สำหรับ "ชาบี เอร์นานเดซ" อดีตกองกลางระดับมันสมองของสโมสรบาร์เซโลน่า และทีมชาติสเปน ที่เข้ารับงานกุมบังเหียน "อัล ซาดด์" ทีมดังในลีกกาตาร์ ซึ่งเป็นทีมสุดท้ายที่เขาค้าแข้งด้วย
ช่วงนี้ เราไปดูมุมมองการเป็นโค้ชของเขากันหน่อย ทั้งสไตล์การคุมทีม และปรัชญาลูกหนัง พร้อมกับการเตรียมทีม สำหรับการลงทำศึกใหญ่อย่างสโมสรโลกที่กำลังจะมาถึง รวมถึงความคิดเห็นต่อวงการฟุตบอลของกาตาร์ ที่กำลังรับหน้าเสื่อในการเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลก 2022 รอบสุดท้าย
คุณเพิ่งประกาศแขวนสตั๊ดอย่างเป็นทางการ เมื่อช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา หลังจากนั้น คุณผันตัวเองมายืนคุมทีมข้างสนาม คุณมีความสุขกับการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ และมีความคิดเห็นอย่างไร เกี่ยวกับการคุมทีมช่วงแรก ?
"ผมเปลี่ยนสถานะจากนักเตะมาเป็นโค้ชอย่างรวดเร็ว ผมแทบจะไม่มีเวลาคิดถึงมันเลยล่ะ เห็นได้อย่างชัดเจนว่า ผมมีวิสัยทัศน์ด้านฟุตบอลอยู่ในใจอยู่แล้ว ทุกคนต่างรู้ดีว่า ผมเติบโตมากับสโมสรบาร์เซโลน่า และทีมชาติสเปน ผมยังอยู่กับฟุตบอลเสมอ ทว่าความจริงคือ คุณต้องมีความรับผิดชอบเพิ่มมากขึ้น ผมมักถามตัวเองเสมอว่า ผมจะคิดถึงการลงสนามมั้ย ? ก่อนจะได้รับคำตอบว่าไม่เลย นั่นเพราะผมยังมีส่วนร่วมกับการแข่งขันที่แตกต่างออกไปยังไงล่ะ ผมรู้สึกถึงความรับผิดชอบที่เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะในฐานะของการเป็นโค้ช ผมคิดว่าผมสนุกกับมันนะ"
คุณพออธิบายได้หรือไม่ว่า คุณเป็นโค้ชแบบไหน ?
"หากให้ผมอธิบาย ผมเป็นโค้ชที่ชอบให้ลูกทีมครอบครองบอลเอาไว้กับตัว ผมคงลำบากใจเป็นอย่างมาก หากลูกทีมของผมเป็นฝ่ายที่ไม่ได้ครอบครองบอล มันก็เหมือนกับสไตล์การเล่นของผม ตอนที่ยังเป็นนักฟุตบอลอยู่นั่นแหล่ะ ผมรักในการที่ได้ครอบครองบอล เพื่อเปิดโอกาสให้เพื่อนร่วมทีมได้ควบคุมเกม นี่คือวิธีที่ผมถูกปลูกฝังมาจากบาร์เซโลน่า และก็ทีมชาติสเปน ผมพยายามทำให้นักเตะของผมแย่งบอลกลับมาครองให้เร็วที่สุด เท่าที่จะสามารถทำได้ นั่นคือปรัชญาการคุมทีมของผม"
โค้ชคนไหนที่คุณชื่นชมเป็นอย่างมาก อาจจะมีแท็คติกแตกต่างจากคุณก็ได้ ?
"เห็นได้อย่างชัดเจนว่า แนวทางการคุมทีมของดิเอโก้ ซิเมโอเน่ ไม่เหมือนกับผมเลย แต่ผมชื่นชมเขา โดยเฉพาะสิ่งที่เขาทำกับสโมสรแอตเลติโก้ มาดริด ผมยังชอบสไตล์การคุมทีมของเจอร์เก้น คล็อปป์ และเป๊ป กวาร์ดิโอล่า รวมถึงโค้ชคนอื่นอย่างหลุยส์ อราโกเนส, บิเซนเต้ เดล บอสเก้ และหลุยส์ เอ็นริเก้ พวกเขาต่างเป็นโค้ชที่ยอดเยี่ยมเช่นเดียวกัน เจาะลึกไปที่ซิเมโอเน่, คล็อปป์ และกวาร์ดิโอล่า พวกเขาต่างมีสไตล์เป็นของตัวเอง นั่นคือสิ่งที่สำคัญเป็นอย่างมากเลย พวกเขาต่างจัดการกับปรัชญาของตัวเอง พร้อมกับส่งต่อไปยังลูกทีมได้W
คุณตั้งเป้าหมาย เกี่ยวกับการเป็นเจ้าภาพฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลกอย่างไร ? (อัล ซาดด์ ลงเตะรายการนี้ในฐานะเจ้าภาพ)
"เราต้องทำให้แน่ใจว่า ผู้เล่นจะไม่รู้สึกถึงความกดดันเป็นพิเศษที่ถาโถมเข้ามา โดยเฉพาะการได้เล่นในบ้านของตัวเอง รวมถึงแรงกดดันจากการพิสูจน์ตัวเอง นี่คือรางวัลพิเศษสำหรับพวกเรา แน่นอนว่า เราพยายามทำให้ทีมลืมความกดดันเหล่านั้นไปซะ และโชว์ให้เห็นว่า เราสามารถทำอะไรได้บ้าง ความกดดันควรมาอยู่ที่ผมในฐานะโค้ช เพราะแง่ของฟุตบอล คุณแค่ลงสนามไป และทำในสิ่งที่ควรทำเท่านั้น สิ่งที่ผมไม่ต้องการจากลูกทีม นั่นคือการขาดความพยายาม ผมต้องการให้พวกเขาลองอะไรใหม่ๆ พวกเขาอาจล้มเหลวอีกสัก 200 ครั้ง แต่ผมยังอยากให้พวกเขาลองทำอยู่ดี"
ย้อนกลับไปศึกชิงแชมป์สโมสรโลก 2018 เจ้าภาพอย่างอัล ไอน์ จากยูเออี สามารถผ่านเข้าไปเล่นในรอบชิงชนะเลิศได้สำเร็จ อะไรเป็นจุดแข็งของอัล ซาดด์ ที่อาจทำให้พวกคุณสามารถทำแบบนั้นได้เหมือนกัน ?
"สำหรับผม อัล ซาดด์ ถือเป็นทีมที่มีประสบการณ์ พร้อมกับผสมผสานกับกลุ่มดาวรุ่งได้อย่างลงตัว เราประกอบไปด้วยนักเตะกาตาร์ เจเนอเรชั่นที่ดีที่สุดเท่าที่เราเคยมีมา เรามีผู้เล่นระดับทีมชาติ 8-10 คนที่เปี่ยมไปด้วยความสามารถ นอกจากนี้ เรายังมีนักเตะประสบการณ์สูงอย่างกาบี เป็นกัปตันทีม (อดีตดาวเตะแอตเลติโก้ มาดริด) เราเป็นทีมที่สามารถเล่นฟุตบอลได้ดี"
คุณอาศัยอยู่ที่ประเทศกาตาร์ มานานหลายปีแล้ว พร้อมกับเป็นฑูตของโครงการ เจเนอเรชั่น อเมซซิ่ง โปรแกรม เราอยากรู้ว่า กาตาร์ จะสามารถเข้ามามีส่วนร่วมในการการแข่งขันฟุตบอลโลก 2022 อย่างไรบ้าง ?
"ผมลงเล่นกับสโมสรอัล ซาดด์ ยาวนานกว่า 4 ปี ผมยังมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับสมาคมฟุตบอลของกาตาร์ รวมถึงแอสไปร์ อะคาเดมี่ ผ่านการพัฒนามาตรฐานของผู้เล่นรุ่นใหม่ ผมคิดว่า ทีมค่อนข้างพร้อมกับฟุตบอลโลก กาตาร์ มีทีมที่ยอดเยี่ยมเลย และมีผู้จัดการทีมที่ดี"
"นี่คือประเทศที่ง่ายต่อการใช้ชีวิต เต็มไปด้วยความเป็นกันเอง และปลอดภัย คุณจะสนใจพวกเขามากหน่อย จากการที่ได้เป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลก ผมเชื่อว่า พวกเขาจะทำออกมาได้ดี กาตาร์ สามารถคว้าแชมป์เอเชี่ยน คัพ และเข้าร่วมรายการใหญ่อย่างโคปา อเมริกา แถมยังมีกลุ่มนักเตะรุ่นใหม่ที่ยอดเยี่ยมด้วย สำหรับฟุตบอลโลก พวกเขามีสนามฟุตบอลในมือเป็นจำนวนมาก ผู้คนต้องประหลาดใจอย่างแน่นอน ผมมองว่า กาตาร์ โชคดีที่มีเวลาเป็นสิบปีในการเตรียมความพร้อมการเป็นเจ้าภาพ"