ผลงานที่ออกมาในรูปแบบ 3 วันดี 4 วันร้าย สลับกันไป เป็นสิ่งที่แฟนบอลปิศาจแดง ประสบพบเจอมาโดยตลอด ซึ่งก็ต้องลุ้นว่าเกมไหนจะดี หรือเกมไหนจะร้ายกันแน่นอน
มันคือปัญหาสำคัญของ ยูไนเต็ด ยุค โอเล่ กุนนาร์ โซลชา บทเล่นดีก็ดีใจหายสามารถเอาชนะได้ทุกทีม แต่บทจะแพ้ก็แพ้แบบง่ายๆ
เกมล่าสุดอาจจะพอใจเข้าใจได้หากดูชื่อชั้นของ อาร์เซน่อล เพราะเป็นทีมใหญ่ของอังกฤษ แต่หากวัดจากผลงานและฟอร์มการเล่น เดอะ กันเนอร์ส กำลังอยู่ในช่วงขาดความมั่นใจและผลงานก็ย่ำแย่กว่า ผีแดง
แต่รูปเกมใน 45 นาทีแรกกลับเป็นเจ้าบ้านที่ดูคึกคักกว่าและทำเกมได้วูบวาบ แถมมาได้ประตูจากจังหวะเข้าทำครั้งแรกอีกด้วย
สองประตูที่ ปิศาจแดง เสียไปจะมองว่า 'ซวย' หรือ 'โชคไม่ดี' ก็พูดแบบนั้นได้ เพราะมันมาจากจังหวะแฉลบ วิคตอร์ ลินเดเลิฟ ถึงสองจังหวะนำมาซึ่งลูกยิงแบบโล่งๆของทั้ง นิโกล่าส์ เปเป้ และ โซคราติส ปาปาสตาโธปูลอส
กระนั้นหากมองจากรูปเกมในช่วงครึ่งแรก ลูกทีมของ โซลชา เป็นรองอย่างชัดเจน และเป็น ปืนใหญ่ ที่คึกคัก,วูบวาบ และหาโอกาสเข้าทำได้ดีกว่า
แม้ครึ่งหลัง พลพรรคปิศาจแดงจะพยายามเดินเกมสู้และครองบอลได้ดีกว่า แต่ท้ายที่สุดก็ทำได้เท่านั้น เพราะบรรดาแนวรุกต่างนัดกันปืนฝืด และไม่สามารถสร้างความอันตรายให้ แบร์นด์ เลโน่ ได้เลย
ถือเป็นอีกหนึ่งเกมที่น่าผิดหวังหลังจากทำผลงานคว้าชัย 2 นัดติดต่อกัน ซึ่งมันกลับไปอยู่ในวังวนเดิมอีกครั้ง
'ความต่อเนื่อง' คือปัญหาที่ทุกคนในทีมมองเห็น โดยเฉพาะ แฮร์รี่ แม็คไกวร์ ที่ออกมาพูดถึงเรื่องนี้อยู่ตลอดเวลาว่าเป็นเรื่องที่ ปิศาจแดง ต้องพยายามรักษาเอาไว้ให้ได้
'ความต่อเนื่อง' คือสิ่งที่จำเป็นและเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมากสำหรับทีมฟุตบอล เพราะมันหมายถึงการยืนระยะและรักษาผลงานที่ดีให้คงอยู่ และมันยังเป็นตัวชี้วัดด้วยว่าทีมจะสามารถไปยังเป้าหายที่วางไว้หรือไม่
ศักยภาพ, ความสามารถ หรือเรื่องต่างๆในทีม ปิศาจแดง ไม่ได้เป็นรองทีมอื่นๆ มากนัก แต่อย่างที่เรียนไป ปัญหาสำคัญคือการยืนระยะของทีม และการรักษาผลงานให้มีความต่อเนื่อง นั่นคือสิ่งที่ทีมยังขาดหายไป เราจึงได้เห็นผลงานที่ไม่ต่อเนื่อง ขึ้นๆลงๆ เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายสลับกันไปเช่นนี้ ซึ่งมันคือโจทย์ใหญ่และโจทย์สำคัญของบรรดาทีมงานโค้ชในทีม ...
... ฤดูกาลล่วงเลยผ่านครึ่งซีซั่นมาแล้ว และตอนนี้ก็กำลังเข้าสู่โปรแกรมที่สำคัญของ ปิศาจแดง ที่จะลงเล่นฟุตบอลถ้วย 2 รายการติดต่อกัน และมันอาจจะเป็นการตัดสินอนาคตของทีมว่าจะมีแชมป์ติดมือหรือไม่
ช่วงเวลาที่สำคัญเริ่มจากการออกไปเยือน วูล์ฟแฮมป์ตัน ในศึก เอฟเอ คัพ รอบ 3 ซึ่งถือเป็นงานหนักอย่างมากเพราะ ผีแดง มีสถิติเป็นรองยามดวลกับทีมหมาป่าในช่วงหลัง
นี่คือเกมที่สำคัญว่าเส้นทางในศึกบอลถ้วยที่เก่าแก่สุดในโลกของ ปิศาจแดง ในซีซั่นนี้จะได้ไปต่อหรือหยุดลงแค่ โมลีนิวซ์ เท่านั้น
นอกจากนี้ 3 วันถัดมา ลูกทีมของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา จะกลับไปเปิด โอลด์ แทรฟฟอร์ด รับมือ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในเกมแรกของศึก คาราบาว คัพ รอบรองชนะเลิศ
ความสำคัญไม่เพียงจะเป็นเกมแห่งศักดิ์ศรีของสองอริร่วมเมือง แต่มันยังเป็นตัวกำหนดชี้วัดเส้นทางก่อนเกมนัดที่ 2 ที่จะต้องออกไปเยือนที่ เอติฮัด สเตเดียม
ด้วยโปรแกรมที่อัดแน่นที่เข้ามาอย่างต่อเนื่องในช่วงเดือนมกราคมต่อยอดไปถึงช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ มันจึงเป็นเรื่องที่สำคัญในการพัฒนาความมั่นใจและการเล่นที่ต่อเนื่อง ไม่ใช่ปล่อยให้แฟนบอลมาลุ้นว่าเกมไหนจะเล่นดี และเกมไหนทีมเล่นแย่ เพราะโปรแกรมที่ไล่เรียงดู ทุกนัดล้วนแล้วแต่สำคัญอย่างมาก
04/01/20 พบ วูล์ฟส์ (เยือน) เอฟเอ คัพ
07/01/20 พบ แมนฯ ซิตี้ (เหย้า) คาราบาว คัพ
11/01/20 พบ นอริช (เหย้า) พรีเมียร์ลีก
19/01/20 พบ ลิเวอร์พูล (เยือน) พรีเมียร์ลีก
22/01/20 พบ เบิร์นลี่ย์ (เหย้า) พรีเมียร์ลีก
29/01/20 พบ แมนฯ ซิตี้ (เยือน) คาราบาว คัพ
01/02/20 พบ วูล์ฟส์ (เหย้า) พรีเมียร์ลีก
นั่นคือโปรแกรมต่อจากนี้ของ ปิศาจแดง ที่ต้องเจองานถึง 7 เกม (ซึ่งอาจจะมีเพิ่มมาอีก 1 นัด หากทีมบุกเสมอหรือชนะ วูล์ฟส์ ในศึก เอฟเอ คัพ)
อย่างที่เรียนไป ทุกเกมล้วนแล้วแต่มีความสำคัญ ทั้งในบอลถ้วยที่จะวัดเส้นทางและการเดินหน้าต่อเพื่อลุ้นแชมป์แรกในยุค โซลชา หรือในเวทีพรีเมียร์ลีกที่ทุกแต้มในตอนนี้มีความสำคัญในการไล่ล่าพื้นที่ท็อป 4 และกับการเฝ้ารังเจอกับ นอริช และ เบิร์นลี่ย์ สองทีมที่กำลังหนีตกชั้น มันจึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่แฟนบอลจะคาดหวังในการคว้าชัย
แม้เริ่มต้นปีไม่สวยงาม จบลงด้วยความพ่ายแพ้ แต่เส้นทางของการต่อสู้ยังคงทอดยาว และยังมีงานที่อยู่ตรงหน้าอีกมากมายรออยู่
มันคือบทพิสูจน์สำคัญว่าปิศาจแดงทีมนี้จะสามารถก้าวข้ามขีดจำกัดของตนเองและก้าวไปยังอีกระดับได้หรือไม่ นั่นคือสิ่งที่แฟนบอลคาดหวังและต้องการที่จะเห็นจากบรรดานักเตะ
นั่นคืองานสำคัญของบรรดาแข้งผีแดงที่ต้องพิสูจน์ผลงานในสนามให้มีความต่อเนื่อง และไปยังจุดที่พวกเขาตั้งความหวังไว้ให้ได้
